ข่ามีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Swartz ข่า ข่าหยวกข่าหลวง (ภาคเหนือ), กฏุกกโรหินี (ภาคกลาง)
ถิ่นกำเนิด : อินเดียพม่าไทยมาเลเซียสิงคโปร์บอร์เนียวอินโดนีเซียฟิลิปปินส์
มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เนื้อในเหง้ามีสีขาวรสขมเผ็ดร้อน แต่ไม่เผ็ดเหมือนกับขิงมักมีกลิ่นหอมฉุนข่าเป็นพืชใบเดี่ยวใบยาวปลายใบมนขอบใบเรียบก้านใบยาวเป็นกาบหุ้มซ้อนกันดอกเป็นช่อสีขาวนวลผลกลมสี แดงส้มมีรสเผ็ดร้อน
ส่วนที่ใช้บริโภค:เหง้า, ดอก, หน่ออ่อน
รดน้ำพอประมาณเพราะข่าไม่ชอบน้ำที่ชุ่มมากเกินไป
จะใช้เหง้าอ่อนหรือเหง้าแก่ก็ได้ซึ่งคุณอำพันบอกว่ามีข้อดีข้อด้อยต่างกันคือในพื้นที่ปลูกข่าหยวก 1 งาน 6000 บาท แยกเหง้าไปปลูกได้เลย แล้วค่อยนำไปปลูกก็มี
ในการปลูกข่าให้ขุดหลุมลึกประมาณ 1 หน้าจอบรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยเคมีสูตรเสมอเช่น 16-16-16 หรือ 19-19-19 อัตรา 1 ช้อนแกงต่อหลุม รดน้ำให้ชุ่ม การให้น้ำจะเน้นในช่วงฤดูแล้งจะให้น้ำ 5-7 วันหลักการกว้าง ๆ ของการให้น้ำก็คืออย่าให้หน้าดินแห้ง ในการปลูกข่าหยวก 1 หลุมจะใช้เหง้าข่าประมาณ 0.5-1 กิโลกรัม
คุณอำพันบอกว่าการใช้แรงงานคนถางหญ้าเพียง 3 ครั้งเท่านั้นเมื่อกอข่าเจริญเติบโตเต็มที่แล้วใบข่าจะปกคลุมดินปัญหาเรื่องวัชพืชจะลดน้อยลงคุณอำพันจะมีการใส่ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ (เช่นสูตร 16-16 - 16 หรือสูตร 19-19-19) ครั้งที่ 2 เมื่อต้นข่ามีอายุได้ 2 เดือน (ใส่ครั้งแรกรองก้นหลุม) โดยเฉลี่ยแล้วจะใส่ปุ๋ยเคมีในอัตราไร่ละ 50 กิโลกรัมและใส่ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอในครั้งที่ 3 เมื่อต้นข่ามีอายุได้ 6 เดือน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะขุดข่าประมาณ 7-10 วันใส่ปุ๋ยเคมีให้กับต้นข่าหยวก
กันไร่ละ 1,000 กก
- เมื่อข่าอายุ 6 เดือน
ให้กับโรงงานน้ำพริกควรให้มีอายุ 1 ปี
เทคนิคในภาคเกี่ยวขุดข่าขาย
คุณอำพันบอกว่า และขุดในช่วงเวลาเช้าแรงงาน 1 คนขุดข่าในเวลา 1 ชั่วโมงจะได้เหง้าข่าไม่ต่ำกว่า 100 กิโลกรัม จะนำมาล้าง ซึ่งวิธีนี้จะสะดวกและรวดเร็วมาก ตัดเหง้าที่เน่าเสียออกใช้มีดลอกเปลือกกาบใบออก ถุงละ 10 กิโลกรัม
เคล็ดลับการรักษาความสดของเหง้าข่า
ปัจจุบัน มีสีชมพูสวยได้นานจนถึงผู้บริโภค หลังจากนั้นบรรจุเหง้าข่าลงในถุงพลาสติคใสน้ำหนัก 10 กิโลกรัมต่อถุง
ล้างตัดแต่งรากจนถึงบรรจุลงถุงจะใช้วิธีจ้างแรงงานแบบเหมาจ่ายผลผลิตเหง้าข่าหยวกน้ำหนัก 1,000 กิโลกรัม (1 ตัน) เป็นเงิน 4,000 บาท 4 บาทถ้าปลูกในพื้นที่ไม่มากนัก โดยเฉพาะค่าแรงงานในการเก็บเกี่ยว
เกี่ยวเก็บเกี่ยวเก็บข่าอายุ 3 เดือนเป็นหน่าข่าอายุ 6 - 8 เดือนเก็บเป็นข่าอ่อนข่าอายุ 1 ปีขึ้นไปเก็บเป็นข่าแก่
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์
1 ฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้
ข่ามีฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้โดยพบสารออกฤทธิ์คือ cineole, การบูร (eugenol และ
2 ฤทธิ์ขับน้ำดี
ข่า eugenol มีซึ่งมีฤทธิ์ขับน้ำดีจึงช่วยย่อยอาหารได้
3 ฤทธิ์ขับลม
ข่ามีน้ำมันหอมระเหยซึ่งมีฤทธิ์ขับลม
4 ฤทธิ์ลดการอักเสบ
ข่ามีสารออกฤทธิ์อะซิเตตคือ "อะซิเตต-acetoxychavicol, 1" 1-acetoxyeugenol eugenol และช่วยลดการอักเสบ
5 ฤทธิ์ยับยั้งแผลในกระเพาะอาหาร
ข่ามีสารออกฤทธิ์อะซิเตต "acetate-acetoxychavicol และ 1''" คือ 1 acetoxyeugenol-
6 ฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
สารสกัดข่าด้วยไดเอทิลอีเธอร์ปิโตรเลียมอีเธอร์ เชื้อ Escherichia coli โดยพบ eugenol (14)
7 ฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา
สารสกัดข่าด้วยน้ำกลั่นเมทานอลไดคลอโรมีเทนเฮกเซนหรืออัลกอฮอล์สามารถฆ่าเชื้อราคือ Microsporum gypseum, Trichophyton rubrum และ Trichophyton mentagrophyte ที่เป็นสาเหตุของโรคกลากเกลื้อนได้โดยพบ 1'' ' '''' อะซิเตต '-acetoxychavicol และ 1'''''''' acetoxyeugenol acetate-
8. การทดลองทางคลินิกใช้รักษากลากเกลื้อน
tolnaftate พบว่าได้ผล
9. หลักฐานความเป็นพิษและการทดสอบความเป็นพิษ
9.1 การทดสอบความเป็นพิษ
เมื่อฉีดสารสกัด 50% (LD50) เท่ากับ 1 ก. / กก และมก 188. / กก พบว่ามีค่า LD50 เท่ากับ 0.68 มล. / กก 100 มล. / กก เข้าช่องท้องหนูถีบจักรติดต่อกัน 7 วันหรือให้สารสกัด 50% พบว่าไม่เป็นพิษ 95% 0.5, 1 และ 3 ก. / กก พบว่าไม่มีสัตว์ทดลองตาย 100 มก. / กก ติดต่อกัน 3 เดือนทำให้หนูถีบจักรตาย 15%
9.2 พิษต่อเซลล์
20 มคก. / มล เป็นพิษต่อเซลล์ราจีสาร galanolactone และ (E)-8b-epoxylabd-12-ene-15 ,16-dial 9KB ขณะที่สารสกัด 50%
9.3 ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์
สารสกัดเหง้าข่าด้วยน้ำและน้ำร้อนขนาด 0.5 มล. / จานเพาะเชื้อและเหง้าข่าสดไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ต่อเชื้อแบคทีเรีย Bacillus subtilis H-17 (Rec +) และ M-45 (Rec-) ทิงเจอร์ขนาด 80 มคล / จานเพาะเชื้อไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ต่อเชื้อ Salmonella typhimurium TA 98, 100
สรรพคุณและวิธีใช้
1 ขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อจุกเสียดแน่นนำเหง้าแก่มาฝนกับน้ำต้มสุกรับประทานครั้งละ 1 ถ้วยตะไลหรือ 2 ช้อนแกงแล้วดื่มน้ำเข้าไปเล็กน้อยแก้อาการดังกล่าวได้ดีมาก
2 แก้กลากเกลื้อน
- ใช้เหง้าสดกับเหล้าโรงหรือน้ำส้มสายชู
ทาแรง ๆ ทำเช่นนี้ 4-5 วันก็จะหาย
- เอาหัวข่าแก่ ๆ ล้างให้สะอาดฝานเป็นแว่นบาง ๆ หรือทุบพอแตกนำไปแช่เหล้าขาวทิ้งไว้สัก 1 คืน และแสบ; แล้วเอาข่าที่แช่ไว้มาทาเฉพาะที่ ๆ เป็นเกลื้อน; จะรู้สึกแสบ ๆ เย็น ๆ ; ทาเช้าและเย็นหลังอาบน้ำทุกวันประมาณ 2 สัปดาห์
ฝานเป็นแผ่นบาง ๆ นำไปแช่เหล้า 35 ดีกรีประมาณ 5 นาทีแล้วทาที่มีผื่นคัน; อาการจะหายไป
1 นิ้วทุบให้แตกพอช้ำอย่าถึงกับละเอียดใส่ถ้วยแช่เหล้าโรงประมาณ 1/4 ถ้วยชา
นำมาตำพอแหลกแล้วผสมเหล้าหรืออัลกอฮอล์แช่ไว้ 1 คืนใช้ทาแก้เกลื้อนหรือกลาก
3 แก้บวมช้ำได้ดี เอาหัวข่าแก่ฝนน้ำทาบริเวณบวมช้ำเช้าำ - เย็นอาการบวมช้ำอักเสบจะค่อยๆหายไป
4 แก้ปวดท้อง นำหัวข่าแก่ฝนกับน้ำ 1 ถ้วยตะไลเติมเหล้าขาวหรือเหล้าโรงอีก 1 ถ้วยตะไลดื่มแก้ปวดมวนในท้องในไส้
5 แก้ลมพิษ เอาเหง้าข่าแก่ ๆ บดละเอียดผสมเหล้าขาวหรือเหล้าโรงทาบริเวณที่เป็นลมพิษบ่อยๆอาการคันจากลมพิษจะค่อยหายเป็นปกติ
6 แก้ปวดฟันรำมะนาดบรรเทานำเหง้าแก่สดตำผสมเกลือเล็กน้อยโขลกให้ละเอียดใส่ีรูฟันที่ปวดหรืออมไว้ที่เหงือก
7 แก้ไอ ใช้ข่าทุบฝานบาง ๆ บีบมะนาวเติมน้ำตาลแล้วอมไว้เคี้ยวกลืน
1. ยาบำรุงเลือดสตรี
- ฝาง 5 ส่วน
- ใบมะกา 5 ส่วน
- ข่า 5 ส่วน
- เกลือ 5 ส่วน
วิีธีทำต้มรับประทานก่อนอาหาร 3 เวลาครั้งละ 1 แก้ว
สรรพคุณ บำรุงเลือดขับเลือดเสีย
2. ยาแก้บวมทั้งตัวและบวมเท้า
- ไพลแดง 3 ตำลึง
- ใบมะกา, หัวข่า 5 ตำลึง
- ข้าวเย็นหนือ - ใต้สิ่งละ 10 ตำลึง
- การบูร 10 บาท
ต้มกินทุกวัน
.. แก้โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ..
1 ข่าอ่อน
2 กระชายดำ
3 เมล็ดกระเจี๊ยบแดง
4 น้ำผึ้ง
วิธีใช้นำ 1,2,3 หั่นตากแห้งอย่างละเท่า ๆ กันมาบดให้ละเอียดแล้วผสมน้ำผึ้งเล็กน้อยพอปั้นให้เป็นลูกกลอนเม็ดเท่าลูกมะเขือพวง
เกี่ยวรับประทานครั้งละ 1 เม็ด 3 เวลาก่อนอาหาร
สรรพคุณบำรุงกำลังบำรุงร่างกาย