พล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ผบก.ทท. กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้เสียหายชื่อนายไกรวิทย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี อาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวว่า ถูกกลุ่มคนร้ายชาวต่างชาติผิวสี หลอกตุ๋นเงินไปราว 900,000 บาท โดยตนเองได้รู้จักกลุ่มคนร้ายขณะเดินซื้อของอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเมือง พัทยา จ.ชลบุรี

 

กลุ่มคนร้ายเหล่านี้ได้ทำทีเข้ามาตีสนิท พร้อมกับบอกว่าหลบหนีภัยสงครามมาพร้อมธนบัตรจำนวนมาก ซึ่งเป็นเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยสงคราม แต่ใช้สารสีเขียวเคลือบไว้เพื่อความปลอดภัย และต้องใช้น้ำยาเคมีเฉพาะถึงจะล้างสารเคลือบสีดังกล่าวได้ แต่ต้องเสียเงินซื้อน้ำยาราคา 1,500,000 บาท แต่ให้ออกเงินลงทุนซื้อน้ำยาร่วมกันคนละครึ่ง โดยครั้งแรกกลุ่มคนเหล่านี้ทำให้ดู และกระดาษได้เปลี่ยนเป็นธนบัตรดอลล่าร์ที่ใช้แลกเปลี่ยนได้จริง ทำให้หลงเชื่อและโอนเงินพร้อมทั้งมอบเงินสดให้ เพื่อแลกเปลี่ยนกับกระดาษสีเขียวดังกล่าว ครั้งสุดท้ายนำเงินมามอบให้ที่บริเวณชั้นใต้ดินสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องจากกลุ่มคนร้ายอ้างว่าเงินที่เหลือยังอยู่ในอาคารคลังสินค้าต้องนำเงินสดไปแลกเปลี่ยนออกมา แต่ก็ยังไม่ได้รับน้ำยา จึงเชื่อว่าถูกหลอกเลยมาแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่

 

ผบก.ทท.กล่าวต่อว่า หลังทราบเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสืบสวนหาข่าวจนทราบว่า แก๊งดังกล่าวมีที่พักอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ จึงไปดักซุ่มจนเจอตัวก่อนเข้าจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย ส่วนเพื่อนร่วมแก๊งอีก 2 คนหลบหนีไปได้ อยู่ระหว่างตามจับกุมตัว จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ซึ่งทางบก.ทท.ขอฝากเตือนไปยังประชาชนให้ระมัดระวังการหลอกลวงดังกล่าว และไม่ควรให้ความโลภเข้าครอบงำ เพราะการใช้น้ำยาเคมีล้างกระดาษให้กลายเป็นธนบัตรจริงนั้น ไม่มีจริง ในครั้งนี้ผู้เสียหายถูกลวงให้ร่วมทำธุรกิจซื้อน้ำยาเคมีดังกล่าว เพราะเมื่อล้างสารเคลือบกระดาษแล้วจะได้ธนบัตรสหรัฐ ใบละ 100 เหรียญ รวมมูลค่าสูงถึง 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ประกอบกับขณะที่ดำเนินการต้มตุ๋นนั้นสามารถแลกเงินได้จริง ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและสูญเงินจำนวนดังกล่าวไป

 

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกับพวกที่หลบหนีทำการฉ้อโกงทรัพย์ ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป