สอบสวนทราบว่า น.ส.เอ๋ และเพื่อนชาย พาหลานชายผู้เสียหาย เดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร เพื่อมาเที่ยวพักผ่อนในช่วงวันหยุดยาว ในเขตเมืองพัทยา โดยช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ตนจึงพาเพื่อนหนุ่ม และหลานชาย ไปเที่ยวชมบ้านผีสิง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยใช้บริการแล้ว 1 ครั้ง แต่ครั้งนี้เพื่อนหนุ่มกลัวจึงตัดสินใจไม่เข้าไป ซึ่งในรอบนั้นมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมตนและหลานชาย ประมาณ 5-6 คน เข้าชมบ้านผีสิง

 

น.ส.เอ๋ ระบุว่า ในตอนแรกเดินเข้าไป จะมีพนักงานบรรยายแต่งกายเป็นผี นำพาเข้าชมบ้านผีสิง แต่ละจุดก่อนชาวต่างชาติที่เข้ามาพร้อมกันจะถอนตัวออกจากบ้านผีสิงไปก่อน ตนจึงพาหลานชาย รีบเดินให้จบด่าน แต่พอมาถึงในช่วงจังหวะจะมีหุ่นผีสิงหลอกมาพอดี พนักงานซึ่งแต่งกายเป็นผีอยู่ในนั้น จึงฉวยโอกาส โอบกอดและจะพยายามจูบ หอมแก้มอยู่พักหนึ่ง โดยมีด.ช.โก๊ะ (นามสมมุติ) เป็นพยานได้ เพราะอยู่ในระหว่างกลางและทราบเหตุการณ์ทุกอย่าง จากนั้นจึงรีบดึงแขนหลานชายพากันวิ่งออกมาจากบ้านผีสิงในที่สุด ต่อมาตนจึงออกไปต่อว่ากับพนักงานบ้านผีสิง ว่าทำอย่างนี้มันไม่ถูกต้อง ใช้จังหวะชุลมุนใช้มือลวนลามร่างกาย แต่พนักงานของทางบ้านผีสิกลับไม่สนใจ และปกปิดข้อมูลของคนก่อเหตุ รวมทั้งพูดจาหยาบคายอีกด้วย จึงต่อรองว่าถ้าให้ผู้ก่อเหตุออกมารับยอมแล้วขอโทษ จะไม่เข้าแจ้งความต่อตำรวจ แต่ในเมื่อไม่มีผู้ใดยอมรับ จึงตัดสินใจเดินทางแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าว

 

 

ภายหลังสอบสวน เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะลงบันทึกไว้เป็น พร้อมกับจะสอบสวนผู้เสียหาย และพยานอีกครั้ง เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามตัวผู้ก่อเหตุ มาดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป