เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 29 ก.ค. ผู้สื่อข่าว “ข่าวสด” รายงานว่า พ.ต.อ.วิมล พิทักษ์บูรพา ผกก.สภ.เมืองชุมพร พ.ต.ท.วิชิต ขำคลกรรณ สว.สส. ร.ต.อ.ประพฤทธิ์ อันประสิทธิ์ รอง สว.สส. พร้อมกำลังควบคุมตัว นายสุรชัย ครุฑไชยยันต์ อายุ 24 ปี อยู่หมู่ 1 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง พร้อมของกลางพระเครื่องกว่า 1,000 องค์ กีต้าร์ 4 ตัว โน๊ตบุ๊ก 2 เครื่อง เหรียญกษาปณ์และธนบัตร รุ่นเก่า โทรศัพท์มือถือทรัพย์สินอื่นๆ อีกจำนวนมาก มาสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์สิน หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือให้พ้นจากการจับกุม
 
 ทั้งนี้สืบเนื่องจากช่วงค่ำที่ผ่านมา นายสุรชัย ผู้ต้องหาได้ปีนหลังคาบ้านหมู่ 4 ต.บ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร ซึ่งเป็นบ้านของ นางปพิชญา สุวพิศ โดยผู้ต้องหาขึ้นไปถอดกระเบื้องหลังคาออกแล้วโรยตัวเข้าไปลักกีต้าร์ยี่ห้อยามาฮ่า 1 ตัว ต่างหูทอง 1 คู่ ปรากฏว่าขณะนำทรัพย์สินออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว ได้มีนายนิคม นวลพจน์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.บ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร ผ่านไปเจอเข้าเห็นมีท่าทีพิรุธจึงเรียกลูกบ้านออกไล่ตามจนสามารถจับกุมได้พร้อมของกลางและรถ จยย.ยี่ห้อ ฮอนด้า สีน้ำเงิน-ขาว ทะเบียน ฉ-8097 ชุมพร ที่ใช้หลบหนี

 จากการสอบสวนขยายผลทราบว่า นายสุรชัย อาศัยอยู่กับภรรยาที่หมู่ 12 บ้านเขาชันโต๊ะ ต.วิสัยเหนือ อ.เมือง จ.ชุมพร ตำรวจจึงควบคุมตัวไปตรวจค้นพบพระเครื่องเกจิชื่อดังจากวัดต่างๆ อาทิ หลวงปู่ทวด หลวงพ่อเงิน หลวงปู่สงฆ์ ทั้งในจังหวัด และต่างจังหวัด ที่เลี่ยมทอง เลี่ยมเงิน และกรอบพลาสติก เก็บซุกซ่อนไว้ในบ้านหลังดังกล่าวเกือบ 2 พันองค์ และเหรียญกษาปณ์ ธนบัตรเก่า รวมทรัพย์สินอื่นๆ อีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน

 สอบสวนนายสุรชัย รับสารภาพว่า เดิมเป็นชาว จ.ระนอง เข้ามาอยู่ในพื้นที่ จ.ชุมพรได้ราว 2 ปี และได้ภรรยาเป็นคน จ.ชุมพร ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร โดยแต่ละวันจะขับรถจักรยานยนต์ออกตระเวนดูลาดเลาตามพื้นที่ต่างๆ ใน จ.ชุมพร เมื่อพบว่าบ้านหลังใดไม่มีคนอยู่ ก็จะปืนขึ้นไปบนหลังคาและถอดกระเบื้องออกแล้วโรยตัวลงไป หรือใช้วิธีงัดประตูหรือหน้าต่างเข้าไป เพื่อขโมยทรัพย์สิน ส่วนใหญ่จะเป็นพระเครื่อง จากนั้นก็จะพาไปขายกับเซียนพระ และตามแผงพระในเขตเทศบาลเมืองชุมพร โดยเฉพาะพระเกจิชื่อดังที่เป็นที่นิยมของเซียนพระก็จะได้ราคาองค์ละกว่า 1 หมื่นบาทขึ้นไป ที่ผ่านมาขายพระและทรัพย์สินอื่นที่ได้จากการขโมยมาเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท แล้วจะนำเงินไปใช้เที่ยวเตร่ และซื้อสิ่งของเครื่องใช่ต่างๆ สำหรับพระเครื่องกว่า 1 พันองค์ และทรัพย์สินอื่นๆ ทั้งหมดที่ตำรวจตรวจยึดไว้นั้น ตนได้ออกตระเวนขโมยมาเก็บสะสมไว้ได้ประมาณ 2 เดือน เพื่อจะทยอยนำออกไปขายแต่ก็มาถูกจับกุมเสียก่อน เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป