เป็นอันสรุปได้ว่าข่าวกระหังอาละวาดใน ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เป็นแค่ข่าวลือเท่านั้นเพราะตอนนี้ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายที่เข้าใจกันว่าเป็นผีกระหังได้แล้ว ชื่อนายเดิมเชียงแสน หรือเดิม หรือหนุ่ม ปล้องสูงเนิน อายุ 30 ปี หนุ่มโรคจิตที่ก่อเหตุลวนลามสาวแล้วทำร้ายร่างกายเหยื่อหลายราย
จนมุมพร้อมของกลางรูปเหยื่อสาวที่ถ่ายเก็บไว้
นายเดิมเชียงแสน จนมุมหลังจากทำโทรศัพท์มือถือหล่นไว้ในที่เกิดเหตุลวนลามเหยื่อสาวรายหนึ่ง จนกลายเป็นหลักฐานสำคัญให้ตำรวจสะกดรอยตามจนได้
"เดิมเชียงแสน" ยอมรับสารภาพในสิ่งที่ทำลงไป พร้อมกับยืนยันว่าตนเองไม่ได้เป็น ผีกระหังหรือมนุษย์ลิงลมอย่างที่ชาวบ้านเข้าใจ
เป็นแค่คนร้ายธรรมดาๆ เท่านั้น
ย้อนไปดูเหตุพิลึกพิลั่นเริ่มเป็นข่าวเมื่อต้นเดือนก.ค.
มีคดีคนร้ายย่องทำมิดีมิร้ายเหยื่อสาวหลายราย บางรายถูกบุกเข้าไปในบ้านเพื่อลูบคลำ บางรายหนักกว่านั้นถูกทำร้ายร่างกายก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีไปโดยไม่ทิ้งหลักฐานไว้
จนกลายเป็นเสียงร่ำลือว่าอาจเป็นฝีมือ ผีกระหังหรือมนุษย์ลิงลมตามความเชื่อของชาวบ้าน เพราะหลังเกิดเหตุคนร้ายหลบหนีไปได้อย่างรวดเร็วผิดมนุษย์
เหยื่อ 1 ในจำนวนนั้น คือ น.ส.เอ (นามสมมติ) สาวแม่ลูกอ่อน วัย 22 ปี ชาวบ้านโนนสว่าง ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว ก็ถูกคนร้ายย่องเข้าบ้านกลางดึกเช่นกัน เหตุเกิดกลางดึกวันที่ 24 ก.ค. แต่เหยื่อตื่นมาเห็นพอดีเลยถูกคนร้ายทำร้ายร่างกายก่อนหลบหนีไป
"ตอนนั้นหนูนอนหลับพักผ่อนอยู่กับลูกในบ้าน จู่ๆ มีคนร้ายเป็นชายร่างกายสันทัด ผมเกรียน สวมกางเกงขาสั้นสีเทา ไม่สวมเสื้อ โผล่มานั่งข้างๆ ทำให้เธอสะดุ้งสุดตัวตะโกนเรียกแม่ให้ช่วยเหลือ เลยถูกคนร้ายชกเข้าที่ท้องจนจุกพูดไม่ออก แล้วต่อยเข้าที่ใบหน้าอีกหลายครั้ง ก่อนที่คนร้ายจะวิ่งหนีออกไปทางหลังบ้านหายไปกับความมืด"น.ส.เอให้การ
หลังเกิดเหตุพ.ต.ท.เฉลิมพล สมัยจารุวัฒน์ สวป. พ.ต.ท.สิทธิพล ทิมสูงเนิน สว.สส.สภ.สีคิ้ว นำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที
งานนี้ลบเสียงร่ำลือที่ว่าคนร้ายสามารถล่องหนได้อย่างสิ้นเชิง เพราะเจ้าหน้าที่พบรอยเท้าคนร้ายอยู่ในที่เกิดเหตุมากมาย นอกจากนี้ ที่บ้านหลังติดกันก็มีร่องรอยถูกงัดอีกด้วย
นั่นแสดงว่าคนร้ายไม่ได้เป็นกระหังอย่างที่ร่ำลือกัน
สารวัตรเฉลิมพล ผู้ซึ่งพยายามสยบข่าวลือเรื่องผีกระหังมา โดยตลอด ใช้หลักฐานรอยเท้ายืนยันว่าคนร้ายมีตัวตนแน่ๆ ไม่ใช่ผีสาง
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ในตอนแรกดูเหมือนจะง้างความเชื่อเรื่องกระหังของชาวบ้านไม่ได้ เพราะมีชาวบ้านบางรายตัดสินใจอพยพย้ายออกไปอยู่ที่อื่นเพราะกลัวจะเกิดเหตุร้าย
"ผมยืนยันว่าคนร้ายไม่ใช่สิ่งเหนือธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งเหนือมนุษย์ แต่น่าจะเป็นคนที่มีอาการทางจิต ที่มีความสามารถวิ่งเร็วและหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างคล่องแคล่ว เพิ่งอพยพเข้ามาอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ และจะต้องเคยเข้า-ออกในพื้นที่เกิดเหตุมาแล้วหลายครั้ง เนื่องจากบ้านที่คนร้ายเลือกที่จะใช้ก่อเหตุนั้น คนร้ายรู้เป็นอย่างดีว่าจะต้องมีหญิงสาว อยู่ภายในบ้าน ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตาม ตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด"พ.ต.ท.เฉลิมพลกล่าว
ตำรวจสีคิ้ววางกำลังเฝ้าสกัดจับคนร้ายและกระจายกำลังหาหลักฐานที่อาจจะพบ กระทั่งการทำงานของตำรวจก็เข้าเป้า เมื่อไปเจอโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งตกอยู่ในป่าท้ายหมู่บ้าน สารวัตรสิทธิพลจึงนำโทรศัพท์ไปตรวจสอบเพื่อหาที่มาที่ไป ใช้เทคนิคพิเศษสืบกระทั่งพบว่าเป็นของนายเดิมเชียงแสน มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 49/1 ม.13 ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จึงรวบรวมหลักฐานและนำภาพถ่ายไปให้ผู้เสียหายดูระบุว่ามีส่วนคล้ายคนร้ายที่เคยก่อเหตุไว้
ตำรวจขออนุมัติหมายจับในทันใด
วันที่ 25 ก.ค. ชุดสืบสวนสภ.สีคิ้ว บุกตะครุบตัวนายเดิมเชียงแสนเอาไว้ได้ภายในร้านขายของชำ ต.ลาดบัวขาว จนมุมพร้อมของกลางยาบ้า 2 เม็ด กระสุนปืนขนาด .32 จำนวน 6 นัด กล้องถ่ายรูปที่มีภาพเด็กอายุระหว่าง 7-10 ขวบจำนวนมาก
นายเดิมเชียงแสน ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุกระทำอนาจารเด็กหญิงจริงทุกคดี โดยอาศัยที่เป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิแห่งหนึ่งในพื้นที่ หลังกลับจากปฏิบัติงานจะขับรถไปจอดไว้ข้างทาง จากนั้นเดิน ลัดเลาะเข้าป่าไปหาบ้านที่มีลูกสาวเป็น เด็กเล็ก แอบปีนเข้าไปกอดลูบคลำ แต่ไม่คิดที่จะทำอะไร และไม่ต้องการทรัพย์สินมีค่าอะไร โดยตระเวนก่อเหตุมานานนับเดือนแล้ว แต่ยังอ้างว่าในรายของน.ส.เอ ตนเองไม่ได้เป็นผู้ก่อกระทำแต่อย่างใด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลต่อไป
"ผมไม่ใช่กระหังเป็นคนธรรมดา หลังก่อเหตุอาศัยความมืดหลบหนีไป และก็ไม่คิดทำร้ายใครด้วย แค่อยากสัมผัสลูบคลำเหยื่อเท่านั้น"นายเดิมเชียงแสนกล่าวในตอนหลัง
ตำรวจนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพทันที
พร้อมกับยืนยันว่างานนี้ไม่มีกระหัง
มีแต่ไอ้หื่นกามเท่านั้น!!?