สยามวิบัติ เพราะเห็นอเมริกันเป็นดอกบัว

สยามวิบัติ เพราะเห็นอเมริกันเป็นดอกบัว

(485 คนอ่าน)   

ศรีศักร วัลลิโภดม






สังคมไทยกำลังวิบัติอันเนื่องมาจากความขัดแย้งและความแตกแยกกันใน ชาติ ที่มีเหตุมาจากเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง อันเนื่องมาจากผู้คนรุ่นพ่อแม่และลูกหลานในยุคปัจจุบันถูกครอบงำทางความคิด จากอเมริกัน จนทำให้แลเห็นลัทธิการปกครองระบอบประชาธิปไตย ตลอดจนแนวคิดเสรีทุนนิยมคือสรณะ และแลเห็นระบบเศรษฐกิจและการเมืองที่มีมาแต่เดิมจากรากเหง้าอารยธรรมตะวันออกเป็นสิ่งล้าหลังและขัดขวางความเจริญ

สยามไม่เคยเป็นเมืองขึ้นทางการเมืองอย่างประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว เขมร เวียดนาม และพม่า แต่กลับเป็นทาสปัญญาของวัฒนธรรมตะวันตกมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ เพราะชนชั้นปกครองและปัญญาชนในเวลานั้นต้องการความเป็นศิวิไลซ์ (Civilized) แบบคนตะวันตก นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นตะวันตก (Westernization) ที่มีมานานกว่าหนึ่งศตวรรษ

ทว่า ครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์เป็นนายกรัฐมนตรี ชนชั้นนำ ปัญญาชน และบรรดาข้าราชการต่างก็ถูกครอบงำโดยอเมริกันอย่างโงหัวไม่ขึ้น

ยุคสฤษดิ์เป็นยุคเริ่มต้นของการพัฒนาเศรษฐกิจการเมืองของประเทศ มีการส่งนักศึกษา ข้าราชการ ไปศึกษาอบรมวิทยาการด้านพัฒนาต่างๆ ที่อเมริกา รวมทั้งบรรดาพ่อค้า นายทุนและคนมีเงินก็ต่างส่งลูกหลานไปเรียนอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส และประเทศทางตะวันตกกันมากมาย เพราะนอกจากจะได้ความรู้ทางศิลปวิทยาการแล้ว ยังกลายเป็นคนทันสมัย มีหน้ามีตา จึงทำให้คนรุ่นครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา อันมีทั้งคนรุ่นพ่อแม่และลูกหลานกลายเป็นพวกอเมริกันไนซ์ (Americanized) ไปหมด

ผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมทุกวันนี้จึงถูกครอบงำโดยวัฒนธรรมอเมริกันเสียจน “เห็นอเมริกันเป็นดอกบัว” ก็ว่าได้

แก่นแท้ของดอกบัวอเมริกันทางเศรษฐกิจ - การเมือง ก็คือระบอบการปกครองประชาธิปไตยสามานย์ และระบบเศรษฐกิจทุนนิยมสามานย์

ที่เรียกว่าประชาธิปไตยสามานย์ ก็เพราะเน้นแต่การมีเสียงข้างมากที่มาจากการเลือกตั้งเข้าไปนั่งในสภาผู้แทน อันเป็นหลักทางนิติบัญญัติ โดยไม่เอาใจใส่กับการซื้อเสียงและการโกงการเลือกตั้ง จนเป็นเหตุให้นักการเมืองที่ชั่วร้าย ขาดศีลธรรมและจริยธรรมเข้าไปนั่งในสภาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัวเองและ พรรคพวก มากกว่าการจะทำอะไรเพื่อความเจริญและความมั่นคงของส่วนรวม

ที่ว่าทุนนิยมสามานย์ ก็เพราะเป็นระบบเศรษฐกิจที่ให้ความสำคัญกับปัจเจกบุคคล จนเกิดคนรวยและนายทุนเดรัจฉานทั้งบ้านทั้งเมือง นับเป็นระบบเศรษฐกิจที่ทำให้การปกครองเป็นธนาธิปไตย มากกว่าเป็นธรรมาธิปไตย

ธนาธิปไตยเป็นวัตถุนิยม แลเห็นเงินเป็นอำนาจ และแลเห็นคนคือทรัพยากรมนุษย์ ในขณะที่ธรรมาธิปไตยนั้นธรรมคืออำนาจ มีมิติทางวิญญาณที่จรรโลงความรู้สึกผิดชอบทางศีลธรรมและจริยธรรม ซึ่งทำให้มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่มีสำนึกในการอยู่รอดร่วมกันเป็นหมู่เหล่า เป็นกลุ่มก้อน และแลเห็นคนเป็นจุลจักรวาล

...........................

บัดนี้ ทั้งประชาธิปไตยสามานย์และทุนนิยมสามานย์ที่คนไทยส่วนใหญ่ในประเทศถูกครอบงำ จากอเมริกัน นับตั้งแต่รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้เปลี่ยนสังคมไทยจากแต่เดิมซึ่งเป็นสังคมเกษตรกรรมแบบชาวนา ก้าวกระโดดมาเป็นสังคมอุตสาหกรรมทุนนิยมอย่างเต็มรูป ในยุคสมัยที่เรียกว่าโลกาภิวัตน์ อันเป็นยุคที่โลกมนุษย์กำลังเสื่อมและถูกทำลายจากภัยพิบัติทั้งจากธรรมชาติ และการกระทำของสัตว์มนุษย์ที่มีสำนึกเดรัจฉาน

ประเทศไทยเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ด้วยความหลากหลายทางชีวภาพที่ดีที่สุด แห่งหนึ่งในโลก และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของประเทศมหาอำนาจ เช่น อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และอื่นๆ ซึ่งมุ่งเข้ามาครอบครองทรัพยากรและดินแดนด้วยการลงทุนทางเศรษฐกิจ ทั้งในด้านอุตสาหกรรม เกษตรกรรม กิจกรรมการท่องเที่ยว และการบริการต่างๆ เพราะรัฐบาลไทยแทบทุกยุคทุกสมัยสนับสนุนการเข้ามาลงทุนของต่างประเทศและ กิจกรรมการส่งออก บรรดานักการเมืองและข้าราชการของประเทศมากไปด้วยการทุจริตคอรัปชั่นเพื่อ ความมั่งคั่งร่ำรวยของตนและพรรคพวก ล้วนเปิดช่องให้การเข้ามาครอบครองทรัพยากรของประเทศ โดยบรรดาประเทศที่เป็นนายทุนแทบทั้งสิ้น

จนอาจกล่าวได้ว่า ประเทศไทยเป็น ประเทศเพื่อขาย (The country for sale) ของพวกนักการเมือง ข้าราชการ และพ่อค้านายทุนก็ว่าได้ ดังเห็นได้จากจำนวนที่ดินที่ใช้เพื่อการเกษตรถึงร้อยละ ๙๐ กลายเป็นของนายทุนจำนวนร้อยละ ๑๐ ในขณะที่ราษฎรร้อยละ ๙๐ มีที่ทำกินเพียงร้อยละ ๑๐ เท่านั้น



........................

>>>อ่านต่อในฉบับ

Credit: วารสารเมืองโบราณ
#บทความ
THEPOco
ผู้กำกับภาพ
สมาชิก VIP
28 ก.ค. 55 เวลา 07:33 5,220 7 80
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...