เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ซีเอ็นเอ็นและเอพีรายงานความคืบหน้าคดีนายเจมส์ โฮล์มส์ อายุ 24 ปี ก่อเหตุกราดยิงกลางโรงภาพยนตร์ขณะฉายเรื่องแบตแมนภาคใหม่ ที่เขตออโรรา ใกล้เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา เมื่อ 20 ก.ค. ว่า ผู้ต้องหาถูกนำตัวขึ้นศาลเป็นครั้งแรก ท่ามกลางเพื่อนและญาติของผู้เสียชีวิตร่วมฟังการพิจารณาคดีแน่นขนัด โดยมีกระแสเรียกร้องโทษประหาร ซึ่งคณะอัยการจะปรึกษาครอบครัวเหยื่อก่อน โดยจะใช้เวลาราว 60 วัน



นายโฮล์มส์ปรากฏตัวด้วยผมสีส้มแดง ย้อมให้ดูเหมือนตัวละครโจ๊กเกอร์ มีสภาพอิดโรย ทำตาเหลือก ก่อนจะนั่งนิ่งข้างนางทามารา เบรดี้ ทนายที่ศาลแต่งตั้งให้และมองตรงไปยัง ผู้พิพากษา แต่ไม่ยอมตอบคำถามให้ทนายพูดแทน ว่าลูกความไม่พร้อมจะทดสอบสภาพจิต ซึ่งทนายความของนายโฮล์มส์มีทางเลือกไม่มากในการสู้คดี เว้นแต่จะอุทธรณ์ว่าลูกความมีปัญหาทางจิต ทั้งนี้มีรายงานว่า ช่วงถูกขังคุก นายโฮล์มส์ถ่มน้ำลายลงพื้นและคิดว่าตนเองแสดงหนังอยู่



ด้านญาติผู้เสียชีวิต รวมถึงนายทอม และนางคาเร็น เทเวส พ่อและแม่ของนายอเล็กซ์ อายุ 24 ปี ที่เสี่ยงชีวิตกระโดดเอาตัวบังกระสุนให้น.ส.อแมนดา ลินด์เกร็น แฟนสาว ในคืนเกิดเหตุ นั่งอยู่แถวแรกในศาล ซึ่งนายเทเวสและคนอื่นๆ ต่างอยู่ในอารมณ์เศร้าโศกและโกรธแค้น โดยประณามนายโฮล์มส์ว่าเป็นไอ้ขี้ขลาดและไม่ได้เก่งจริง เพราะใส่เสื้อเกราะ พกปืนไปกราดยิงชาวบ้าน ฆ่ากระทั่งเด็ก 6 ขวบ



ผู้พิพากษาวิลเลียม ซิลเวสเตอร์ แจ้งกับผู้ต้องหาว่า จะต้องถูกควบคุมตัวไว้ในข้อหาเจตนาฆ่าผู้อื่น และไม่อนุญาตให้ประกันตัว



เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเผยว่า ขณะคนร้ายก่อเหตุยิงปืนไรเฟิลเออาร์-15 ที่บรรจุกระสุนได้ เป็นร้อยนัดเกิดขัดลำกล้อง ทำให้ต้องเปลี่ยนไปใช้ปืนที่มีอานุภาพรุนแรงน้อยกว่า ซึ่งตำรวจวิเคราะห์ว่าหากปืนไม่ขัดลำกล้อง อาจมีผู้เสียชีวิตมากกว่านี้