สำนักข่าวรอยเตอร์ได้เสนอบทความ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติในประเทศไทย โดยพาดหัวว่า “ประเทศไทย สยามเมืองยิ้ม หรือกับดักกันแน่” จากอาชญากรรมที่เกิดขึ้นต่อนักท่องเที่ยวในประเทศไทย

ทั้งนี้ รอยเตอร์ได้ระบุเหตุการณ์ต่างๆที่ทำลายความเชื่อมั่นต่อนักท่องเที่ยวต่าง ชาติได้ ไม่ว่าจะเป็น กรณี 2 พี่น้องชาวแคนาดาเสียชีวิตอย่างปริศนาที่จังหวัดกระบี่ โดยสันนิษฐานว่าอาจเป็นผลจากพิษบางอย่าง หรือการจี้ชิงทรัพย์ 2 นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย จนมี 1 ในเหยื่อถูกแทงเสียชีวิต

นอกจากนี้ยังมีการตั้งตนเป็นมาเฟีย รีดไถเงินของพวกให้เช่าเจ็ตสกี หรือคนขับแท็กซี่ ปัญหามลพิษ การทะเลาะกับนักท่องเที่ยว อุบัติเหตุบนท้องถนน หรือจะเป็นปัญหาที่นักท่องเที่ยวต้องพบเจอที่สนามบิน ทั้งเครื่องบินดีเลย์ ระบบเรดาร์ไม่ดี การต้องเข้าคิวเพื่อรอตรวจคนเข้าเมือง

โดยนาย Larry Cunningham กงสุลกิตติมศักดิ์ออสเตรเลียประจำภูเก็ต กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้นัก เพราะจากสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวทีเพิ่มขึ้น ดังเห็นได้จากเมื่อปี 2011 มีนักท่องเที่ยวกว่า 19 ล้านคนเดินทางเข้ามาในประเทศ และสร้างรายได้คิดเป็นวงเงินสูงถึง 24,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มจากปี 2010 ถึง 31 % ทั้งยังคิดเป็นสัดส่วน 6% ของจีดีพีของไทยเช่นกัน

นาย Larry ยังระบุด้วยว่า ภูเก็ต ที่ได้ชื่อว่า จุดหมายที่นักท่องเที่ยวอยากจะมาพักที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง อาจจะแปรสภาพเป็น เมืองบาป (Sin City) เหมือนพัทยาก็ได้ หากยังให้ความสนใจต่อ ปริมาณนักท่องเที่ยว แต่ไม่ใส่ใจรื่อง คุณภาพนักท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์ยังระบุด้วยว่าเป้าหมายที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เคยกล่าวไว้ว่า ภายใน 5 ปี รัฐต้องได้รายได้เพิ่มจากการท่งเที่ยวเป้นจำนวน 12 ล้านล้านบาท และภายในปีนี้ต้องมีนักท่องเที่ยวให้ได้ 21 ล้านคน อาจเป็นไปได้ยาก หากสถานการณ์การท่องเที่ยวในไทยยังเป็นเช่นนี้อยู่