ฮิตเลอร์ สเตลธ์" อาวุธลับกองทัพนาซี!++
ปีหน้า...หน้าประวัติศาสตร์ "สงครามโลกครั้งที่ 2" จะหมุนผ่านครบ 65 ปีเต็ม
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นักวิชาการทั่วโลกต่างพยายามเสาะหาข้อมูลใหม่ๆ ออกมาตีแผ่เปิดเผยแก่ชาวโลก ทั้งเพื่อให้รู้เท่าทันพิษภัยสงครามและบันทึกแง่มุมสำคัญเกี่ยวกับโศก นาฏกรรมความสูญเสียครั้งนี้เอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา
ล่าสุด สถานีโทรทัศน์ "เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก" จัดทำสารคดีชุดพิเศษเรื่อง "ฮิตเลอร์ สเตลธ์ ไฟเตอร์" ฉายภาพความฝันกองทัพนาซีเยอรมัน ภายใต้การนำของเผด็จการ "อดอล์ฟ ฮิตเลอร์" ซึ่งมุ่งมั่นพัฒนาอาวุธและจักรกลสังหารทรงพลานุภาพหลายชนิด รวมถึง "เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน" หรือ "สเตลธ์" หวังปิดฉากสงครามโลกครั้งที่ 2 ในฐานะ "ผู้ชนะ"
แต่เคราะห์ดีของชาวโลกที่ความฝันฮิตเลอร์ไม่มีโอกาสกลายเป็นความจริง!
ช่วงท้ายสงครามโลกครั้งที่ 2
กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรบุกตะลุยเล่นงานกองทัพนาซีเยอรมันจนอ่อนล้าลงมาก
ทำให้ฮิตเลอร์ตั้งความหวังว่า บรรดาโครงการอาวุธลับต่างๆ ที่ซุ่มคิดค้นจะช่วยพลิกสถานการณ์
หนึ่งในโครงการอาวุธลับของทัพนาซี คือ
เครื่องบินรบทิ้งระเบิด ซึ่งสามารถหลบหลีกการตรวจจับจากเรดาร์ของศัตรู!
ขณะนั้นแนวคิดเรื่องเครื่องบินล่องหน หรือเครื่องสเตลธ์ ยังไม่เคยมีชาติใดคิดพัฒนาอย่างจริงจังมาก่อน เพราะความยากและซับซ้อน
แม้แต่ชาติมหาอำนาจอย่าง "สหรัฐอเมริกา" ภายหลังชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 เรียบร้อยแล้ว
ยังต้องใช้เวลาอีกประมาณ 30 ปีกว่าจะสร้าง "สเตลธ์" ได้สำเร็จ!
ปี ค.ศ.1943 (พ.ศ.2486) ฝูงบินทิ้งระเบิดเยอรมันพ่ายแพ้ความเร็วฝูงบินรบสัมพันธมิตรชนิดราบคาบ
ประกอบกับฮิตเลอร์ต้องการให้สร้างเครื่องบินทิ้งระเบิดที่บินไปไกลถึงสหรัฐอเมริกา
ด้วยเหตุนี้ จอมพลเฮอร์มันน์ เกอริง ผู้บัญชาการทัพฟ้า (ลุฟต์วาฟฟ์) จึงมีบัญชาให้ลูกน้องเค้นสมองคิดเครื่องบินทิ้งระเบิด หรือ "บอมเบอร์" ที่มีคุณสมบัติ 3 ข้อนี้ออกมาให้ได้ นั่นคือ
1. บรรทุกระเบิด 1,000 ก.ก.
2. บินไกล 1,000 ก.ม.
3. บินด้วยความเร็ว 1,000 ก.ม./ช.ม.
บุคคลผู้เสนอตัวอาสาออกแบบสุดยอดบอมเบอร์ดังกล่าว ได้แก่ สองพี่น้องลูกทัพฟ้า "ไรมาร์และวอลเตอร์ ฮอร์เทน"
ซึ่งยื่นแบบพิมพ์เขียวเครื่องบินล้ำยุคหน้าตาแปลกประหลาดให้ผู้นำกองทัพดู หลังจากช่วยกันออกแบบนานหลายปี เพราะไฟสุมอกที่อยากสร้างเจ้าเวหาขึ้นมาล้างแค้นให้เพื่อนร่วมกองทัพที่เสีย ชีวิตใน "ยุทธการบริเตน"
"ฮอร์เทนไม่เคยลืมการสูญเสียเพื่อนนักบิน ร่วมรบ และคิดว่าเยอรมันต้องมีเครื่องบินที่หลบหลีกเครือข่ายเรดาร์ของอังกฤษให้ได้ " เดวิด ไมห์รา นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน ผู้ติดตามสัมภาษณ์และเขียนหนังสือเกี่ยวกับผู้น้องตระกูลฮอร์เทนตราบจนถึง ช่วงสุดท้ายของชีวิตในคริสต์ทศววรษ ที่ 1990 กล่าว
ในที่สุดช่วงต้นปี ค.ศ.1944 (พ.ศ.2487) ทีมวิศวกรของฮอร์เทนก็ออกแบบ "ต้นแบบ" เครื่องบินดังกล่าว ถึง 3 รุ่น แต่ละรุ่นล้วนมีรูปโฉมแตกต่างจากเครื่องบินรบในอดีตอย่างสิ้นเชิง มองดูแล้วเหมือนยานจากอนาคต เพราะโครงสร้างหลักมีแต่ "ปีก" กับ ห้องนักบิน
สำหรับต้นแบบเครื่องบินรบรุ่นที่โดดเด่นและใกล้ความจริงมากที่สุด คือ
"Horten HO 2-29" ติดตั้งเครื่องยนต์ "บีเอ็มดับเบิลยู 003" พร้อมปืนใหญ่ 30 มิลลิเมตร 4 กระบอก และบรรทุกระเบิดขนาด 500 กิโลกรัม 2 ลูก
พี่น้องฮอร์เทนมั่นใจว่า เมื่อนำ "ขี้เลื่อย-ถ่านไม้-คาร์บอน-ยางไม้" ทาเคลือบลงไปบนพื้นผิวด้านนอกของตัวเครื่อง จะทำให้ HO 2-29 กลายเป็นเครื่องบินล่องหน เพราะมีคุณสมบัติดูดซับคลื่นแม่เหล็กของเรดาร์ นอกจากนั้น ด้วยโครงสร้างการออกแบบตามหลักกลศาสตร์ ยังช่วยให้มันบินในระดับต่ำมาก และรอดพ้นจากเรดาร์สัมพันธมิตรง่ายขึ้นอีกหลายเท่า
ผลการทดสอบเครื่อง HO 2-29 ประสบความสำเร็จด้วยดีก่อนเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาส ปลายปี 1944 เล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ขณะนั้นพลานุภาพของกองทัพนาซีถือว่าอ่อนยวบไม่มีชิ้นดี ใกล้พบจุดจบเข้าไปทุกที ขาดแคลนทั้งขวัญกำลังใจ กำลังเงิน นักบิน และเชื้อเพลิง
โครงการ HO 2-29 จึงต้องหยุดชะงักลงอย่างสิ้นเชิง เหลือไว้แต่ซากเครื่องต้นแบบ กับ พิมพ์เขียวให้กองทัพสหรัฐยึดกลับไปตรวจสอบ ท่ามกลางความตกตะลึงถึงความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมเครื่องจักรสังหารของ เยอรมันชิ้นนี้ ซึ่งทำให้ต้องขบคิดกันว่า ถ้าบังเอิญฝ่ายนาซีเกิดผลิตเป็นจำนวนมากได้จริงๆ โฉมหน้าสงครามโลกครั้งที่ 2 จะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
เพื่อพิสูจน์ว่า HO 2-29 จะมีศักยภาพร้ายกาจขนาดไหน บริษัท นอร์ธทรอป กรัมแมน ผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ของสหรัฐและผู้คิดค้นเครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน "สเตลธ์ บี-2" จึงสร้าง HO 2-29 รุ่นจำลองขึ้นมาทดสอบประสิทธิภาพในการหลบเลี่ยงเรดาร์
การทดลองครั้งนี้ใช้งบฯ ราว 9 ล้านบาท
ผลลัพธ์พบว่า HO 2-29 หลบเรดาร์สัมพันธมิตรยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้จริงๆ!
โดยถ้าเทียบจากเรดาร์ระวังภัยบริเวณช่องแคบ อังกฤษในยุคนั้นจะตรวจจับเครื่อง บินรบศัตรูได้เมื่อเข้าสู่ระยะ 160 กิโลเมตร แต่สำหรับ HO 2-29 จะจับได้เมื่อบินเข้าระยะ 129 กิโลเมตร และเพราะมันบินเร็วมาก จึงสามารถพุ่งถล่มเป้าหมายใจกลางอังกฤษภายใน 8 นาที ขณะที่เครื่องบินรบทิ้งระเบิดรุ่นก่อนหน้าต้องใช้เวลา 19 นาที ส่งผลให้ทัพอังกฤษและสัมพันธมิตรมีเวลาเตรียมรับมือน้อยลง
"มีความเป็นไปได้ว่า ถ้าฝ่ายนาซีผลิต HO 2-29 ออกปฏิบัติการ เกมการรบอาจพลิกผันและได้เปรียบในห้วงเวลาหนึ่ง จนกว่าฝ่ายสัมพันธมิตรจะคิดค้นอาวุธตอบโต้สำเร็จ" ทอม โดเบรนซ์ ผู้เชี่ยวชาญสเตลธ์ของนอร์ธทรอปฯ กล่าว
แต่ประวัติศาสตร์ไม่ได้เขียนเอาไว้เช่นนั้น เพราะ HO 2-29 ไม่เคยออกรบ
ส่วนฮิตเลอร์ฆ่าตัวตายอยู่ในบังเกอร์หลบภัย กรุงเบอร์ลิน เมื่อเดือนเมษายน 2488
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นักวิชาการทั่วโลกต่างพยายามเสาะหาข้อมูลใหม่ๆ ออกมาตีแผ่เปิดเผยแก่ชาวโลก ทั้งเพื่อให้รู้เท่าทันพิษภัยสงครามและบันทึกแง่มุมสำคัญเกี่ยวกับโศก นาฏกรรมความสูญเสียครั้งนี้เอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา
ล่าสุด สถานีโทรทัศน์ "เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก" จัดทำสารคดีชุดพิเศษเรื่อง "ฮิตเลอร์ สเตลธ์ ไฟเตอร์" ฉายภาพความฝันกองทัพนาซีเยอรมัน ภายใต้การนำของเผด็จการ "อดอล์ฟ ฮิตเลอร์" ซึ่งมุ่งมั่นพัฒนาอาวุธและจักรกลสังหารทรงพลานุภาพหลายชนิด รวมถึง "เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน" หรือ "สเตลธ์" หวังปิดฉากสงครามโลกครั้งที่ 2 ในฐานะ "ผู้ชนะ"
แต่เคราะห์ดีของชาวโลกที่ความฝันฮิตเลอร์ไม่มีโอกาสกลายเป็นความจริง!
ช่วงท้ายสงครามโลกครั้งที่ 2
กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรบุกตะลุยเล่นงานกองทัพนาซีเยอรมันจนอ่อนล้าลงมาก
ทำให้ฮิตเลอร์ตั้งความหวังว่า บรรดาโครงการอาวุธลับต่างๆ ที่ซุ่มคิดค้นจะช่วยพลิกสถานการณ์
หนึ่งในโครงการอาวุธลับของทัพนาซี คือ
เครื่องบินรบทิ้งระเบิด ซึ่งสามารถหลบหลีกการตรวจจับจากเรดาร์ของศัตรู!
ขณะนั้นแนวคิดเรื่องเครื่องบินล่องหน หรือเครื่องสเตลธ์ ยังไม่เคยมีชาติใดคิดพัฒนาอย่างจริงจังมาก่อน เพราะความยากและซับซ้อน
แม้แต่ชาติมหาอำนาจอย่าง "สหรัฐอเมริกา" ภายหลังชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 เรียบร้อยแล้ว
ยังต้องใช้เวลาอีกประมาณ 30 ปีกว่าจะสร้าง "สเตลธ์" ได้สำเร็จ!
ปี ค.ศ.1943 (พ.ศ.2486) ฝูงบินทิ้งระเบิดเยอรมันพ่ายแพ้ความเร็วฝูงบินรบสัมพันธมิตรชนิดราบคาบ
ประกอบกับฮิตเลอร์ต้องการให้สร้างเครื่องบินทิ้งระเบิดที่บินไปไกลถึงสหรัฐอเมริกา
ด้วยเหตุนี้ จอมพลเฮอร์มันน์ เกอริง ผู้บัญชาการทัพฟ้า (ลุฟต์วาฟฟ์) จึงมีบัญชาให้ลูกน้องเค้นสมองคิดเครื่องบินทิ้งระเบิด หรือ "บอมเบอร์" ที่มีคุณสมบัติ 3 ข้อนี้ออกมาให้ได้ นั่นคือ
1. บรรทุกระเบิด 1,000 ก.ก.
2. บินไกล 1,000 ก.ม.
3. บินด้วยความเร็ว 1,000 ก.ม./ช.ม.
บุคคลผู้เสนอตัวอาสาออกแบบสุดยอดบอมเบอร์ดังกล่าว ได้แก่ สองพี่น้องลูกทัพฟ้า "ไรมาร์และวอลเตอร์ ฮอร์เทน"
ซึ่งยื่นแบบพิมพ์เขียวเครื่องบินล้ำยุคหน้าตาแปลกประหลาดให้ผู้นำกองทัพดู หลังจากช่วยกันออกแบบนานหลายปี เพราะไฟสุมอกที่อยากสร้างเจ้าเวหาขึ้นมาล้างแค้นให้เพื่อนร่วมกองทัพที่เสีย ชีวิตใน "ยุทธการบริเตน"
"ฮอร์เทนไม่เคยลืมการสูญเสียเพื่อนนักบิน ร่วมรบ และคิดว่าเยอรมันต้องมีเครื่องบินที่หลบหลีกเครือข่ายเรดาร์ของอังกฤษให้ได้ " เดวิด ไมห์รา นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน ผู้ติดตามสัมภาษณ์และเขียนหนังสือเกี่ยวกับผู้น้องตระกูลฮอร์เทนตราบจนถึง ช่วงสุดท้ายของชีวิตในคริสต์ทศววรษ ที่ 1990 กล่าว
ในที่สุดช่วงต้นปี ค.ศ.1944 (พ.ศ.2487) ทีมวิศวกรของฮอร์เทนก็ออกแบบ "ต้นแบบ" เครื่องบินดังกล่าว ถึง 3 รุ่น แต่ละรุ่นล้วนมีรูปโฉมแตกต่างจากเครื่องบินรบในอดีตอย่างสิ้นเชิง มองดูแล้วเหมือนยานจากอนาคต เพราะโครงสร้างหลักมีแต่ "ปีก" กับ ห้องนักบิน
สำหรับต้นแบบเครื่องบินรบรุ่นที่โดดเด่นและใกล้ความจริงมากที่สุด คือ
"Horten HO 2-29" ติดตั้งเครื่องยนต์ "บีเอ็มดับเบิลยู 003" พร้อมปืนใหญ่ 30 มิลลิเมตร 4 กระบอก และบรรทุกระเบิดขนาด 500 กิโลกรัม 2 ลูก
พี่น้องฮอร์เทนมั่นใจว่า เมื่อนำ "ขี้เลื่อย-ถ่านไม้-คาร์บอน-ยางไม้" ทาเคลือบลงไปบนพื้นผิวด้านนอกของตัวเครื่อง จะทำให้ HO 2-29 กลายเป็นเครื่องบินล่องหน เพราะมีคุณสมบัติดูดซับคลื่นแม่เหล็กของเรดาร์ นอกจากนั้น ด้วยโครงสร้างการออกแบบตามหลักกลศาสตร์ ยังช่วยให้มันบินในระดับต่ำมาก และรอดพ้นจากเรดาร์สัมพันธมิตรง่ายขึ้นอีกหลายเท่า
ผลการทดสอบเครื่อง HO 2-29 ประสบความสำเร็จด้วยดีก่อนเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาส ปลายปี 1944 เล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ขณะนั้นพลานุภาพของกองทัพนาซีถือว่าอ่อนยวบไม่มีชิ้นดี ใกล้พบจุดจบเข้าไปทุกที ขาดแคลนทั้งขวัญกำลังใจ กำลังเงิน นักบิน และเชื้อเพลิง
โครงการ HO 2-29 จึงต้องหยุดชะงักลงอย่างสิ้นเชิง เหลือไว้แต่ซากเครื่องต้นแบบ กับ พิมพ์เขียวให้กองทัพสหรัฐยึดกลับไปตรวจสอบ ท่ามกลางความตกตะลึงถึงความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมเครื่องจักรสังหารของ เยอรมันชิ้นนี้ ซึ่งทำให้ต้องขบคิดกันว่า ถ้าบังเอิญฝ่ายนาซีเกิดผลิตเป็นจำนวนมากได้จริงๆ โฉมหน้าสงครามโลกครั้งที่ 2 จะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
เพื่อพิสูจน์ว่า HO 2-29 จะมีศักยภาพร้ายกาจขนาดไหน บริษัท นอร์ธทรอป กรัมแมน ผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ของสหรัฐและผู้คิดค้นเครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน "สเตลธ์ บี-2" จึงสร้าง HO 2-29 รุ่นจำลองขึ้นมาทดสอบประสิทธิภาพในการหลบเลี่ยงเรดาร์
การทดลองครั้งนี้ใช้งบฯ ราว 9 ล้านบาท
ผลลัพธ์พบว่า HO 2-29 หลบเรดาร์สัมพันธมิตรยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้จริงๆ!
โดยถ้าเทียบจากเรดาร์ระวังภัยบริเวณช่องแคบ อังกฤษในยุคนั้นจะตรวจจับเครื่อง บินรบศัตรูได้เมื่อเข้าสู่ระยะ 160 กิโลเมตร แต่สำหรับ HO 2-29 จะจับได้เมื่อบินเข้าระยะ 129 กิโลเมตร และเพราะมันบินเร็วมาก จึงสามารถพุ่งถล่มเป้าหมายใจกลางอังกฤษภายใน 8 นาที ขณะที่เครื่องบินรบทิ้งระเบิดรุ่นก่อนหน้าต้องใช้เวลา 19 นาที ส่งผลให้ทัพอังกฤษและสัมพันธมิตรมีเวลาเตรียมรับมือน้อยลง
"มีความเป็นไปได้ว่า ถ้าฝ่ายนาซีผลิต HO 2-29 ออกปฏิบัติการ เกมการรบอาจพลิกผันและได้เปรียบในห้วงเวลาหนึ่ง จนกว่าฝ่ายสัมพันธมิตรจะคิดค้นอาวุธตอบโต้สำเร็จ" ทอม โดเบรนซ์ ผู้เชี่ยวชาญสเตลธ์ของนอร์ธทรอปฯ กล่าว
แต่ประวัติศาสตร์ไม่ได้เขียนเอาไว้เช่นนั้น เพราะ HO 2-29 ไม่เคยออกรบ
ส่วนฮิตเลอร์ฆ่าตัวตายอยู่ในบังเกอร์หลบภัย กรุงเบอร์ลิน เมื่อเดือนเมษายน 2488
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์