สัมผัสสายหมอกบนยอดภูผา ณ เมืองงามตา จังหวัดชัยภูมิ
สัมผัสสายหมอกบนยอดภูผา ณ เมืองงามตา จังหวัดชัยภูมิ (คู่หูเดินทาง)
ใน ช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมของทุก ๆ ปี ที่จังหวัดชัยภูมิจะครึกครื้นและคึกคักดูมีชีวิตชีวากว่าช่วงอื่นใดในรอบปี เพราะสายหมอกแห่งความชุ่มฉ่ำในช่วงฤดูฝนที่มาเยือนพร้อม ๆ กับความงดงามและบานสะพรั่งของ "ทุ่งดอกกระเจียวป่า" ที่มีมากมาย เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้หลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ เพราะใคร ๆ ก็อยากที่จะมาสัมผัสชมความงามของทุ่งดอกกระเจียว ที่หนึ่งปีจะมีโอกาสมาอวดโฉมความงามให้เราดูเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
เรา ชาวคู่หูเดินทาง จึงไม่พลาดที่จะไปเก็บภาพความสวยงามและน่าประทับใจของดินแดนแห่งนี้มาฝากคุณ ผู้อ่าน พร้อมทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่น ๆ ของเมืองงามนาม "ชัยภูมิ" นี้มาฝากกันเหมือนเช่นเคย ถ้าพร้อมแล้วก็ตามเรามาได้เลย
จังหวัดชัยภูมิ เป็นดินแดนแห่งเทือกเขาสูง ในเขตภาคอีสานบริเวณช่วงรอยต่อระหว่างภาคกลางกับภาคเหนือ เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ป่ามากที่สุดจังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน มีพื้นทีใหญ่เป็นอันดับ 3 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีเนื้อที่ประมาณ 12,778 ตารางกิโลเมตร มีเทือกเขาที่สำคัญได้แก่ ภูพังเหย ภูแลนคา ภูพญาฝ่อ อันเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำชี อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 342 กิโลเมตร เคยเป็นที่ตั้งของแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ นับตั้งแต่สมัยทวารวดี สมัยขอม กระทั่งสมัยที่ได้รับอิทธิพลจากอาณาจักรล้านช้าง เป็นเมืองหน้าด่านในสมัยกรุงศรีอยุธยา และได้ตั้งขึ้นเป็นเมืองชัยภูมิ ในสมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อปี พ.ศ. 2365
สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดชัยภูมิ
อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม
ตั้งอยู่ในท้องที่ของอำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ ตามทางหลวงหมายเลข 1 เมื่อถึงพุแคให้เลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 21 จนถึงอำเภอชัยบาดาลให้เลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 205 จนถึงอำเภอเทพสถิต ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 2354 ประมาณ 18 กิโลเมตร จะมีทางแยกซ้ายมือ มีป้ายบอกไปอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม เลี้ยวซ้ายไปอีก 13 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานฯ ถือว่าเป็นจุดชมวิวสุดแผ่นดินอีสานกับภาคกลาง
ทางด้านทิศเหนือของที่ทำการอุทยานฯ มีแนวหน้าผาชะง่อนหินเป็นจุดสูงสุดบนเทือกเขาพังเหย สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 846 เมตร มีอากาศหนาวเย็นสบายเกือบตลอดปี โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4 องศา ในช่วงกลางคืน ถึง 25 องศา ในช่วงกลางวัน แม้แต่ในเดือนเมษายนก็ไม่เคยเกิน 32 องศา ในช่วงที่เรามาอากาศดีมากครับ มีฝนตกบ้างเป็นบางช่วงแต่ไม่ถึงกับตกหนักจนเฉอะแฉะครับ อากาศเย็นสบายสดชื่น โดยเฉพาะในช่วงหัวค่ำและช่วงเช้ามืด ที่มีสายหมอกให้เห็นตามทิวเขาบ้างเป็นระยะ ๆ
การมาเที่ยวชมอุทยานฯ ป่าหินงามในปัจจุบันนี้ถือว่าสะดวกสบายมาก ถนนหนทางลาดยางไว้อย่างดี สามารถขับรถขึ้นมาจอดได้ที่ลานจอดรถของอุทยานฯ ได้เลย จากนั้นก็ซื้อบัตรเข้าชมอุทยานฯ ท่านละ 20 บาท และบัตรค่าบริการรถรับ-ส่งไปยังจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ อีกท่านละ 20 บาท รวมค่าใช้จ่ายท่านละ 40 บาท เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 -18.00 น.
จุดแรกที่รถพาเราไปส่งจะเป็นทางแยก ด้านขวามือจะเป็นจุดชมวิวผาสุดแผ่นดิน (ดินแดน 3 ภาค อีสาน-กลาง-เหนือ) ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร ส่วนทางแยกด้านซ้ายมือคือทางเดินไปชม "ทุ่งดอกกระเจียว" ที่อยู่ห่างออกไปอีกประมาณ 350 เมตร
ให้นักท่องเที่ยวเดินไปทางด้านขวาเพื่อไปชม "ผาสุดแผ่นดิน" ก่อน ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเทือกเขาพังเพย ในเขตอุทยานฯ ป่าหินงาม มีลักษณะเป็นแผ่นหินขนาดไม่ใหญ่มากยื่นออกไปในอากาศ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 846 เมตร ซึ่งเป็นเขตรอยต่อของ 3 จังหวัด ได้แก่ ชัยภูมิ (อีสาน), ลพบุรี (กลาง) และเพชรบูรณ์ (เหนือ) เดิมจุดนี้จะรู้จักกันในนามของ "ผาหำหด" นั่น เอง เรียกได้ว่าเป็นจุดชมวิวที่มีทั้งความสวย สูง และเสียว (สำหรับผู้ที่กลัวความสูง) อากาศดีเย็นสบายให้ความรู้สึกปลดปล่อยล่องลอยไปในธรรมชาติและอากาศที่ บริสุทธิ์
เมื่อเต็มอิ่มกับการรับลมเย็นสบายที่บริเวณผาสุดแผ่นดินกันเรียบร้อยแล้ว ก็ให้เดินออกมาทางเดิมมุ่งหน้าตรงไปยังจุดไฮไลท์ของทริปนี้คือ "ทุ่งดอกกระเจียว" เพียงเดินลัดเลาะไปตามแนวเทือกเขา พร้อมชมความชุ่มชื้นของป่าอีก 350 เมตร เราก็จะได้พบกับแนวทางเดินยกระดับ ที่อยู่ท่ามกลางทุ่งดอกกระเจียวป่าสีชมพูงดงามตัดกับสีเขียวของลำต้นและใบ หญ้า ที่ขึ้นสอดแทรกอยู่เป็นระยะท่ามกลางป่าเต็งรังและต้นไม้ป่านานาพันธุ์ ที่สำคัญไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวลงเหยียบบนพื้นดินโดยตรง
ซึ่งนอกจากจะไปเหยียบย่ำทำลายต้นดอกกระเจียวแล้ว ยังอาจเป็นการทำลายระบบนิเวศน์ของธรรมชาติบริเวณนั้นด้วย มีจุดให้แวะถ่ายรูปเก็บภาพความประทับใจเป็นระยะ หรือถ้าใครไม่มีกล้องไปเค้าก็มีบริการถ่ายรูปพร้อมปริ้นให้เสร็จสรรพ ในราคาที่เป็นกันเอง ระยะทางเดินในช่วงนี้ประมาณ 1 กิโลเมตร เดินไป ถ่ายรูปไป พร้อมชมวิวไปด้วยแป๊บเดียวก็สุดทางแล้ว
พร้อมต่อรถไปยังจุดที่ 2 เพื่อชมความงดงามของ "ป่าหินงาม" (ลานหินงาม) ซึ่ง เป็นลักษณะเป็นลานหินรูปร่างแปลก ๆ ทั้งน้อยและใหญ่กระจายอยู่ทั่วบริเวณบนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของที่ทำการอุทยานฯ อันเป็นหินซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของน้ำฝนมานานนับล้านปี บ้างก็มีรูปร่างเหมือนกับถ้วยฟุตบอลโลก บ้างก็เหมือนกับจานเรด้า แล้วแต่จะจินตนาการ นอกจากนี้ ลานหินงามยังสามารถใช้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าได้อย่างสวยงามอีกด้วย จากจุดนี้รถก็จะวนมารับเรากลับไปส่งยังจุดทางเข้าแรก สามารถหาซื้อของฝากและของที่ระลึกได้ตามแนวถนนหน้าอุทยานฯ เวลาที่เหมาะแก่การเที่ยวชมคือในช่วงเช้า เพราะจะมีสายหมอกและอากาศที่เย็นสบาย ไม่เหนื่อย
วัดเขาประตูชุมพล
ตั้งอยู่ก่อนถึงทางขึ้นอุทยานฯ ป่าหินงามประมาณ 500 เมตร ในหมู่ 2 ตำบลบ้านไร่ อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ จึงสามารถใช้เส้นทางมุ่งหน้าไปยังอุทยานฯ ป่าหินงามได้ โดยก่อนถึงอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ประมาณ 30 เมตร ด้านซ้ายมือ จะมีทางเข้าวัดเขาประตูชุมพล เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ผู้คนนิยมแวะไปเที่ยวชม ภายในบริเวณวัดมีศาลาปฏิบัติธรรม หอระฆังสูงตระหง่าน ซึ่งมีลักษณะที่โดดเด่นเป็นลักษณะเฉพาะ มีซุ้มประตูหินธรรมชาติ ชื่อว่า "ประตูชุมพล" อัน เป็นที่เชื่อกันว่าเมื่อไปถึงแล้วให้อธิฐานขอพรพระท่านแล้วเดินรอดซุ้มประตู ชุมพล เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับตัวเองทำกิจการงานใด ๆ ก็จะประสบแต่ความสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ในบริเวณจะมีลานโขดหินน้อยใหญ่มากมายเหมือนหลืบผาถ้ำทางเดิน และมีกุฏิพระกรรมฐานวิปัสสนาธรรมแทรกตัวอยู่เป็นระยะ บรรยากาศสงบร่มรื่นด้วยแมกไม้นานาพรรณ คงความเป็นธรรมชาติแบบวัดป่า วัดนี้จึงเหมาะสำหรับการมาปฏิบัติธรรม พักผ่อนสงบจิตใจ และสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เป็นอย่างดี ควรแต่งกายให้สุภาพและไม่ส่งเสียงดังจนไปรบกวนพระและผู้ปฏิบัติธรรมโดยรอบ บริเวณ
ศาลเจ้าพ่อพระยาแล (พระยาภักดีชุมพล)
อยู่ห่างจากตัวเมืองชัยภูมิ ประมาณ 3 กิโลเมตร ตามเส้นทางสาย ชัยภูมิ-บ้านเขว้า (ทางหลวงหมายเลข 225) มีแยกขวาเข้าสู่หนองปลาเฒ่า ซึ่งเป็นเจ้าเมื่อคนแรกของเมืองชัยภูมิ ในสมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นที่เคารพรักบูชาของประชาชนชาวชัยภูมิอย่างสูง โดยได้มีการสร้างศาลขึ้น ณ บริเวณที่ท่านเสียชีวิต เพื่อเป็นที่สถิตแห่งดวงวิญญาณของพระยาภักดีชุมพล (แล) และเป็นศูนย์กลางที่ยึดเหนี่ยวจิตใจชาวเมืองชัยภูมิ ทุกปีจะมีงานสักการะศาลเจ้าพ่อพระยาแล ในช่วงเดือน 6 ก่อนวันวิสาขบูชา และมีพิธีเซ่นไหว้รำผีฟ้าถวายเจ้าพ่อเป็นประจำ เมื่อท่านได้เดินทางมายังอำเภอเมืองชัยภูมิแล้ว ควรอย่างยิ่งที่จะต้องแวะกราบสักการะท่านเพื่อเป็นสิริมงคล
มอหินขาว
ตั้งอยู่ในเขตบริเวณบ้านวังคำแคน หมู่ 9 ตำบลท่าหินโงม อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ จากตัวจังหวัดชัยภูมิ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2051 ถนนสายชัยภูมิ-ตาดโตน ระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายก่อนถึงด่านของอุทยานแห่งชาติตาดโตน ตามถนนตาดโตน-ท่าหินโงม เป็นระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร แยกซ้ายตามถนนแจ้งเจริญ-โสกเชือก เป็นทางระยะทาง 6.5 กิโลเมตร ถึงบ้านวังคำแคน จากนั้นเลี้ยวขวาช่วงบ้านวังคำแคน ไปต่ออีกประมาณ 3.5 กิโลเมตร
"มอหินขาว" ประกอบด้วยกลุ่มหินขนาดใหญ่จำนวน 3 กลุ่ม กลุ่มหินที่ 1 คือ "กลุ่มเสาหิน" จะ แบ่งออกเป็นเสาหินขนาดใหญ่จำนวน 5 ต้น ตั้งเรียงรายกันเป็นแถว มีความสูงประมาณ 10-12 เมตร มีรูปร่างคล้ายหน้าคน ตามแต่จินตนาการ ห่างออกไปอีกประมาณ 650 เมตร จะเป็นกลุ่มหินที่ 2 ชื่อ"กลุ่มหินเจดีย์, หินโขลงช้าง" และถัดออกไปจะเป็นกลุ่มหินสุดท้าย ชื่อ "ลานหินต้นไทร" โดย มีไฮไลท์ที่จุดชมวิวผาหัวนาค ซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกประมาณ 2,500 เมตร เป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามแห่งหนึ่งของจังหวัดชัยภูมิ สามารถมองเห็นผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์และเส้นสุดแนวขอบฟ้า โดยมีภูเขาและผืนป่าเป็นเส้นแบ่งเขต บรรยากาศดีมาก ๆ ลมค่อนข้างแรงควรเดินเล่นด้วยความระมัดระวัง
ถนนทางมามอหินขาวจะลาดยางถึงแค่บริเวณกลุ่มเสาหินเท่านั้น หากต้องการเดินทางขึ้นมายังจุดอื่น ๆ แนะนำให้มาด้วยรถกระบะหรือรถที่ทนความสมบุกสมบันสักหน่อย เพราะด้านบนยังเป็นทางลูกรังและพื้นถนนยังเป็นหลุมเป็นบ่ออยู่บ้าง สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูแลนคา โทร 0-4481-0902-3 หรือกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช โทรศัพท์ 0-2562-0760