คุณแม่เจนนิเฟอร์ วัย 31 กับคุณพ่อฟิลลอยด์ วัย 36 ครอบครัวลอว์สัน สุดแสนจะชอกช้ำเมื่อทราบว่าอลิซลูกสาวสุดน่ารักที่มีอายุเพียงแค่ 14 เดือนต้องจากไปก่อนวัยอันควร
อลิซต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคเยื่อหุ้มสมอง อักเสบนานนับเดือน และซ้ำด้วยโรคไตอีกในภายหลัง เธอมีชีวิตอยู่ได้ด้วยมอร์ฟีนเพื่อบรรเทาปวด เครื่องช่วยหายใจกับเครื่องฟอกไตเท่านั้น เธอนอนอยู่ในห้องไอซียูกับความหวังที่ริบหรี่เพื่อหวังว่าจะได้รับไตจากผู้ ให้บริจาค
แต่ทว่าเวลาของอลิซมีไม่มากขนาดนั้น แพทย์แจ้งให้เจนนิเฟอร์ว่า อลิซไม่สามารถหายใจเองได้เลย ความหวังเธอน้อยลงทุกที เจนนิเฟอร์จำต้องทำใจต่อการจากไปของลูกน้อย เธอตั้งใจไว้ว่า หลังจากอลิซเสียชีวิต เธอต้องการส่งต่ออวัยวะของอลิซเพื่อเป็นประโยชน์ต่อเด็กคนอื่น
หลังจากทำใจได้แล้ว แพทย์จึงปลดเครื่องมือที่ใช้ยื้อชีวิตของอลิตทั้งหมด และให้เจนนิเฟอร์บอกลาลูกสาวเธอ โดยมีทีมแพทย์ที่เตรียมรอรับอวัยวะของอลิซหลังจากเธอเสียชีวิต
เจนนิเฟอร์อุ้มลูกน้อยด้วยความทนุถนอม พร้อมบรรจงจูบหน้าผากเธออย่างอาลัยรัก และบอกรักอลิซเพื่อหวังว่าเธอจะรับรู้ว่าแม่รักเธอมากเีพียงใด ไม่ต้องบรรยายเลยว่าเจนนิเฟอร์เจ็บปวดมากแค่ไหน หลังจากเจนนิเฟอร์จูบลาลูกน้อย สิ่งมหัศจรรย์ก็พลันได้บังเกิดขึ้น!!!!
อลิซมีสีหน้าที่ดีขึ้น เธอหายใจเองได้หลังจากได้รับจุมพิตอันแสนรักของแม่เพียงแค่ครั้งเดียว เธอเหมือนเด็กน้อยที่นอนหลับสนิทเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นานเธอนอนและประคองชีวิตอยู่ได้จากเครื่องช่วยหายใจ
การที่อลิซกลับมาฟืนคืนอีกครั้ง สร้างความประหลาดใจแก่คณะแพทย์ เพราะพวกเขามั่นใจว่าอลิซต้องเสียชีวิตเป็นแน่หลังจากถอดเครื่องช่วยหายใจ ออก แต่อย่างไรก็ตามก็สร้างความดีใจให้แก่ครอบครัวลอว์สัน ที่พวกเขาได้ลูกสาวของพวกเขากลับคืนมา เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2010 ปัจจุบันอลิซมีอายุ 3 ขวบครึ่ง ที่มีสุขภาพแข็งแรงและร่าเริงสมวัยของเธอ
เครดิต...เดลี่เมล