โหรเกรหริศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีความเชื่อเรื่องศุกร์ 13 ที่เป็นวันเดียวกับศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ความเชื่อเรื่องศุกร์ 13 เป็นวันอาถรรพ์ อาจทำให้เกิดเหตุรุนแรงในวันดังกล่าวนั้นเป็นความเชื่อถือของฝรั่ง
แต่สำหรับคนไทยนั้น เลข 13 คือ มหาอุจ หมายความว่า มีความใหญ่ ความแรงเป็นพิเศษ ดังนั้นการวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองในวันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคมนี้ ก็ต้องนำปรากฏการณ์ที่น่าสนใจทางดาราศาสตร์มาเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณา
โดยจะต้องวิเคราะห์ดวงดาว บุคคลสำคัญและสถานการณ์ไปพร้อมกัน ในเบื้องต้นสรุปว่า ศุกร์ 13 ไม่มีเรื่องเหตุอาถรรพ์ แต่การโคจรของดวงดาวในวันนั้นจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ ประเทศชาติ
ปรากฏการณ์บนท้องฟ้าที่พิเศษสำหรับวันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคมนี้ คือ จะมีดาวมฤตยูโคจรวิกลคติ ซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้น้อยมากในรอบ 20 – 30 ปี โดยดาวมฤตยูเล็งดาวเสาร์
ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้มีอำนาจบริหารประเทศหรือรัฐบาล ทำนายได้ว่าน่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน แต่ไม่ใช่ในลักษณะเปลี่ยนขั้วการเมืองแบบพรรคเพื่อไทยจับมือกับประชาธิปัตย์
แต่จะมีดาวอังคารคือ ฝ่ายทหารเริ่มมีบทบาทมากยิ่งขึ้น เพราะดาวอังคารอยู่ในตำแหน่งมหาจักร อาจจะเกิดการปฏิวัติเงียบโดยไม่มีการใช้กำลังหรืออาวุธยึดอำนาจรัฐประหาร
“ขณะนี้ดาวเสาร์ ตัวแทนรัฐบาล กำลังเป็นคู่ศัตรูกับดาวอังคาร เป็นดาวคู่บาปเคราะห์ที่ร้ายแรง โคจรอยู่ในภพอริของดวงเมือง ทำให้เกิดอุปสรรคต่อการบริหารบ้านเมือง ที่น่ากลัวคือ ดาวมฤตยูซึ่งอยู่ในภพวินาศ กำลังเล็งดาวเสาร์ จะทำให้มีปัญหาต่อรัฐบาล การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องหยุดชะงักไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้”
ส่วนดาวพฤหัสบดี ซึ่งหมายถึงความยุติธรรม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกำลังอยู่ในตำแหน่งจุลจักร บทบาทอาจจะมีไม่มากนัก เพราะถูกดาวราหูเล็ง ดังนั้นวิเคราะห์ได้ว่าการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอาจจะมีคะแนนฉิวเฉียด ไม่เป็นเอกฉันท์
หลังจากนั้นตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคมเป็นต้นไป ประเทศไทยจะอยู่ในจุดดวงเมืองแตก เกิดเหตุนองเลือด อุบัติเหตุ ไฟไหม้ใหญ่ และภัยธรรมชาติรุนแรง