ฆ่าแท็กซี่ - ภาพจากกล้องวงจรปิด ป้อมยามหน้าหมู่บ้าน สัมมากร ย่านบางชัน ขณะนายเสาร์ นามโพ อายุ 48 ปี ขับรถแท็กซี่ นำ 2 คนร้ายในคราบ ผู้โดยสารเข้าไปก่อนถูกฆ่าชิงทรัพย์ เมื่อวันที่ 10 ก.ค.
ไล่ล่าตัว 2 วัยรุ่นลวงฆ่าเชือดคอแท็กซี่ย่านรามคำแหง เผยวงจรปิดจับภาพชัดเจน ฆาตกรโหดทำทีเรียกแท็กซี่เข้าไปส่งในหมู่ บ้านสัมมากร ก่อนลงมือ ในที่เปลี่ยว คาดต้องการชิงทรัพย์ แต่ถูกขัดขืนจึงฆ่าทิ้ง ก่อนกลัวความผิดหลบหนีไปโดยไม่ได้ทรัพย์สินแม้สตางค์แดงเดียว ตร.ระบุมีเป้าหมายแล้ว คาดใช้เวลาไม่นานจับกุมคนร้ายได้ เร่งประชาสัมพันธ์เตือนแท็กซี่ระมัดระวัง ผู้โดยสารปล้นชิงทรัพย์ หลีกเลี่ยงทางเปลี่ยว หากเห็นท่าไม่ดีรีบขับรถหาตำรวจก่อน
เมื่อเวลา 02.10 น. วันที่ 10 ก.ค. พ.ต.ท. รักศักดิ์ รุ่งแสง พงส.(สบ3)สน.บางชัน รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกทำร้ายร่างกายเสียชีวิตภายในซอยหมู่บ้านสัมมากร แยก 16 ถนนรามคำแหง 112 แขวงและเขตสะพานสูง จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.วีรชัย โพธิปัตชา ผกก.สน.บางชัน พ.ต.ท.เจิดเกษม ศิริโชติ สว.สส. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์จากร.พ.ตำรวจ
ที่เกิดเหตุเป็นซอยเปลี่ยว บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 144/9 ซึ่งเปิดเป็นร้านสุกฤตา ซักอบรีด พบรถยนต์นั่งสาธารณะสีชมพูยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส ทะเบียน ทศ 3357 กรุงเทพฯ ของสหกรณ์แท็กซี่อาสาสมัครจำกัด จอดอยู่ ประตูหน้าด้านคนขับเปิดคาทิ้งไว้ ข้างรถพบศพนายเสาร์ นามโพ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/17 อาคาร 7 โครงการเอื้ออาทรมีนบุรี แขวงและเขตมีนบุรี คนขับรถคันดังกล่าว นอนเสียชีวิตอยู่ สภาพศพสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้า กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ ที่ลำคอมีรอยถูกของมีคมปาดเป็นแผลยาวเกือบ 10 เซนติเมตร เลือดสาดกระจายเต็มพื้น ตรวจพบกระเป๋าสตางค์ยังอยู่ ภายในมีเงินสด 800 บาท
สอบสวนน.ส.บังอร ศรีงาม อายุ 26 ปี ลูกจ้างร้านซักอบรีด ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังเตรียมจะเข้านอน ก็ได้ยินเสียงคนร้องตะโกน 'ช่วยด้วย' ที่หน้าร้าน พร้อมกับเสียงบีบแตรรถ ก่อนจะเงียบเสียงไป เมื่อออกไปดูที่หน้าร้านก็พบผู้ตายนอนเสียชีวิตอยู่ข้างรถแท็กซี่แล้ว จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ตายมักจอดรถเพื่อรอรับผู้โดยสารที่หน้าหมู่บ้านดังกล่าวเป็นประจำ โดยรปภ.หมู่บ้าน ระบุว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายขับรถเข้ามาในหมู่บ้านเมื่อเวลา 01.40 น. โดยมีผู้โดยสารมาด้วย 2 คน เป็นชายวัยรุ่น คนแรกนั่งด้านหน้าคู่คนขับ สวมแว่นสายตา เสื้อยืดสีขาว ส่วนอีกคนนั่งเบาะหลังสวมเสื้อยืดสีขาวเช่นกัน ซึ่งกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพไว้ได้ทั้งหมด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะเรียกรถจากหน้าหมู่บ้านให้เข้าไปส่งภายในหมู่บ้าน เมื่อรถวิ่งเข้ามาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นซอยเปลี่ยว จึงลงมือหมายชิงทรัพย์ แต่ผู้ตายขัดขืนส่งเสียงร้องพร้อมกับบีบแตรรถขอความช่วยเหลือ จึงถูกคนร้ายใช้มีดปาดคอจนเสียชีวิต ก่อนจะหลบหนีไปโดยไม่ได้ทรัพย์สิน
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กระจายกำลังปิดล้อมภายในหมู่บ้านเพื่อจับกุมคนร้ายแต่ก็ไม่พบวี่แววคนร้าย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ป้อม รปภ.หมู่บ้านเพื่อใช้เป็นแนวทางในการติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ที่บช.น. พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รองผบช.น. ดูแลงานด้านสืบสวน กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุครั้งนี้ ว่า ขณะนี้เท่าที่ทราบคือคนร้ายเป็นชาย 2 คน คนหนึ่งนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับ อีกคนนั่งเบาะหลังคนขับ หลังเกิดเหตุฝ่ายสืบสวนสน.บางชัน ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียงพบว่าสามารถจับภาพคนร้ายได้ชัดเจน 1 ราย แต่จะต้องหาภาพวงจรปิดในจุดอื่นๆ อีก เพื่อหาเบาะแส เพิ่มเติม
พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้คนร้ายเรียกแท็กซี่คันดังกล่าวจากหน้าปากซอยเวลาประมาณ 01.40 น. เมื่อเข้าไปภายในหมู่บ้านซึ่งเป็นซอยเปลี่ยวก็ก่อเหตุชิงทรัพย์ แต่ผู้ตายตะโกนร้องขอความช่วยเหลือและบีบแตรรถเสียงดัง ทำให้คนร้ายตกใจ กลัวว่าจะมีคนมาเห็น จึงรีบลงจากรถและวิ่งหลบหนี โดยที่ไม่ได้ทรัพย์สินของผู้ตาย ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาในพื้นที่นครบาลเกิดเหตุชิงทรัพย์คนขับรถแท็กซี่ประมาณ 2-3 ครั้ง ในพื้นที่สน.แสมดำ สน.บางซื่อ และล่าสุดสน.บางชัน ซึ่งคนขับถูกฆ่าเสียชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสถิติคดีปล้น-ชิงทรัพย์ รถแท็กซี่ในพื้นที่สน.ต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค -30 มิ.ย.2555 พบว่า มีทั้งหมด 28 คดี แบ่งเป็นปล้นทรัพย์ 11 คดี และชิงทรัพย์ 17 คดี พื้นที่ที่เกิดเหตุมากที่สุด คือสน.ประเวศ สน.บางนา สน.ตลิ่งชัน และสน.อุดมสุข
เวลา 11.00 น.วันเดียวกัน ที่สน.บางชัน พ.ต.อ.สาโรช ซุ่นทรัพย์ รอง ผบก.น.4 เรียก พ.ต.อ.วีรชัย ผกก.สน.บางชัน พร้อมชุดสืบสวน สน.บางชัน พ.ต.อ.อุทัย กวินเดชาทร ผกก.สส.บก.น.4 และเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.4 ประชุมหารือการติดตามตัวคนร้าย โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
พ.ต.อ.สาโรช เผยว่า ขณะนี้ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณป้อมยามที่หน้าหมู่บ้านแล้วตั้งแต่รถขับเข้าไปในหมู่บ้านสัมมากร และมีชาย 2 คนวิ่งหนีอะไรบางอย่างออกมาภายในหมู่บ้าน รวมทั้งยังมีพยานบุคคลพบว่าคนร้ายเป็นชายมีด้วยกัน 2 คน อายุประมาณ 25-30 ปี แต่ภาพยังไม่ชัดเจนเท่าไร ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคดำเนินการก่อน
ส่วนสาเหตุที่ตั้งไว้ มีประเด็นเดียวคือชิงทรัพย์ ส่วนที่คนร้ายไม่ได้เอาทรัพย์สินไปด้วยนั้น คาดว่าตอนที่เกิดเหตุอาจเกิดความผิดพลาดอะไรบางอย่าง หรือมีอุปสรรคบางอย่างเลยรีบหนีไปก่อน จึงขอเวลาเจ้าหน้าที่สักระยะ ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนมีเป้าหมายอยู่แล้ว คาดว่าน่าจะได้ตัวคนร้ายในเร็วๆ นี้
พ.ต.อ.สาโรช กล่าวว่า ทั้งนี้ฝากถึงคนขับรถแท็กซี่เรื่องการรับผู้โดยสารให้ใช้ความระมัดระวัง และให้สังเกตเลือกรับผู้ใช้บริการ หากเห็นว่าท่าทางไม่ดี ให้รีบขับรถไปหา เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้ๆ ที่สุด เพื่อความปลอดภัยของตนเอง รวมถึงหลีกเลี่ยงเส้นทางที่เปลี่ยวเพราะเป็นจุดล่อแหลมให้คนร้ายลงมือก่อเหตุได้ง่ายที่สุด
ด้านน.ส.ศิริพร คำกอง อายุ 39 ปี ภรรยาของผู้ตาย เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนที่สน.บางชัน พร้อมกล่าวว่า เพิ่งทราบเรื่องที่สามีถูกฆ่าระหว่างเดินทางไปทำงาน ตนรู้สึกตกใจมาก ไม่คิดว่าสามีจะถูกฆ่าจริงๆ เพราะที่ผ่านมาสามีเป็นคนอารมณ์ดี พูดคุยเก่ง ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใคร ส่วนใหญ่สามีจะขับรถแท็กซี่กะกลางคืนเป็นประจำ ออกไปขับรถตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเย็นจนถึง 6 โมงเช้า ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้นตนคิดว่าน่าจะเป็นการชิงทรัพย์ แต่ทรัพย์สินของสามีตนไม่มีอะไรมาก ไม่มีสร้อยแหวนทองใส่ มีเพียงเงินสดติดตัวไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง หลังจากนี้ยังไม่ทราบว่าจะนำศพไปตั้งไว้ที่วัดไหน ต้องรอญาติพี่น้องสามีที่อยู่จังหวัดขอนแก่นเดินทางมาก่อนจึงจะตกลงกันอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีวัยรุ่นอายุ 16 ปี ที่ก่อเหตุฆ่าปาดคอนายสมใจ ห่วงศรี อายุ 60 ปี ที่ตลาดหน้าสุเหร่าท่าอิฐ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนายเอ(นามสมมติ) อายุ 16 ปี นักเรียนโรงเรียนปอเนาะแห่งหนึ่งในจ.เพชรบุรีได้ ล่าสุด นายปรีดา เชื้อผู้ดี กำนันต.ท่าอิฐ นำตัวนายบี(นามสมมติ) อายุ 15 ปี เพื่อนที่ร่วมก่อเหตุครั้งนี้มามอบตัวแล้ว เบื้องต้นให้การสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือแทงคนขับแท็กซี่คันดังกล่าวจนเสียชีวิต เพราะตกใจที่คนขับต่อสู้ขัดขืน จากนั้นจึงหนีไปกบดานที่จ.ระยอง ก่อนติดต่อขอเข้ามอบตัวในเวลาต่อมา