กงสุลใหญ่รุดเยี่ยม "นักศึกษาสาวไทย" ต้องโทษประหารขนยาบ้าเข้าเวียดนาม

วันที่ 10 ก.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายดำรง ใคร่ครวญ รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า เวลา 14.00 น. วันเดียวกันนี้ ทางการเวียดนามอนุญาตให้กงสุลใหญ่ไทย ที่นครโฮจิมินห์ เดินทางเข้าเยี่ยม น.ส.ปรียานุช พุทธรักษา นักศึกษาไทยที่ถูกศาลเวียดนามสั่งประหารชีวิตเมื่อ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในคดีขนยาเสพติดเข้าประเทศ เพื่อแจ้งความประสงค์ให้ทราบว่าบิดาและมารดาของน.ส.ปรียานุช ต้องการให้อุทธรณ์คดีตามเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตามการอุทธรณ์ดังกล่าวขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของน.ส.ปรียานุช เพราะถือว่าเป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว

นายดำรงกล่าวว่า รัฐบาลให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากกฎหมายเวียดนามมีข้อกำหนดว่า จะไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าเยี่ยมนักโทษ 30 วัน นับจากวันที่มีคำพิพากษาของศาล ดังนั้น การเข้าเยี่ยมในวันนี้ได้ใช้วิธีทางการทูตขอผ่อนผันเข้าเยี่ยม อย่างไรก็ตามหากผู้ต้องโทษตัดสินใจอุทธรณ์แล้ว ศาลจะใช้เวลาอีกหลายเดือนในการพิจารณา และเมื่อศาลสูงสุดมีคำพิพากษาแล้ว หากผลออกมายังยืนตามคำพิพากษาชั้นต้น นักโทษสามารถยื่นฎีกาต่อประธานาธิบดีเวียดนามเพื่อขอลดหย่อนโทษได้อีก หรือหากชั้นอุทธรณ์นักโทษไม่ขอยื่นอุทธรณ์ก็สามารถยื่นฎีกาต่อประธานาธิบดีเพื่อขอลดหย่อนโทษได้เช่นกัน

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีศาลเวียดนามตัดสินประหารชีวิตน.ส.ปรียานุช นักศึกษาไทยวัย 23 ปี ข้อหาลักลอบขนยาเสพติดประเภทยาบ้า น้ำหนัก 3 กิโลกรัม เข้าไปยังเวียดนาม เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2554 ว่า หลังจากทราบคำพิพากษา เจ้าหน้าที่กงสุลใหญ่ประจำนครโฮจิมินห์ ได้ขอทางการเวียดนามเข้าพบนักศึกษาไทยคนดังกล่าว เพื่อชี้แจงให้ทราบกระบวนการตามกฎหมาย อาทิ สิทธิการยื่นอุทธรณ์ ภายใน 15 วัน หรือกรณีมีคำตัดสินถึงที่สุด สามารถทำหนังสือไปถึงประธานาธิบดีเวียดนาม เพื่อขอให้ลดหย่อนโทษ ขณะที่กงสุลใหญ่ประจำนครโฮจิมินห์ ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยเฉพาะด้านอาหารแห้ง ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น และกงสุลใหญ่ประจำนครโฮจิมินห์ พบกับนักศึกษาไทยคนดังกล่าวเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2554 และนำญาติเข้าเยี่ยมเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ระบบศาลของเวียดนาม มี 2 ศาล คือศาลประชาชน และศาลประชาชนสูงสุด ซึ่งสามารถอุทธรณ์ได้ ส่วนโอกาสในการได้รับการลดหย่อนโทษนั้น ต้องใช้ช่องทางกฎหมายที่เปิดไว้ก่อน และต้องพิจารณาทุกทางเพื่อช่วยเหลือให้ได้ เบื้องต้นคือยื่นอุทธรณ์ แต่ขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าตัว ซึ่งทางกงสุลใหญ่ประจำนครโฮจิมินห์ กำลังอยู่ระหว่างขอเข้าพบอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่า น.ส.ปรียานุช เข้าใจกระบวนการทางกฎหมาย และรอทางการเวียดนามเห็นชอบ

นายธานีกล่าวว่า ประเทศไทยกับเวียดนามมีสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทย และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามว่าด้วยการโอนตัวผู้ต้องคำพิพากษา และความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญา หรือสนธิสัญญาโอนตัวนักโทษ ลงนามตั้งแต่ปี 2553 แต่กรณีโทษประหารชีวิตไม่เข้าข่าย ขณะที่ทางครอบครัวทราบเรื่องคำตัดสินแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าเดินทางไปยังเวียดนามแล้วหรือไม่

 

10 ก.ค. 55 เวลา 22:16 2,162 3 50
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...