วันที่ 7 ก.ค. ที่ห้องประชุมสถานีตำรวจภูธรอำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด น.อ.นพดล กิตติวัฒนสกุล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด พร้อมด้วย พ.ต.ท.พรรณศักดิ์ วรวิบูลย์สวัสดิ์ สารวัตรใหญ่ด่านตรวจคนเข้าตราด แถลงข่าวการจับ Mr.Oliver Neuias tim ชาวโมซัมบิก อายุ 27 ปี หลังจากพยายามลักลอบนำโคเคนหนัก 1.3 กิโลกรัม เข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยผ่านด่านชายแดนถาวรบ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เนื่องจากเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 ก.ค. ด่านตรวจคนเข้าเมืองเกาะกง ประเทศกัมพูชา ได้แจ้งว่า ผู้ต้องหารายนี้ต้องการเดินทางข้ามมาฝั่งไทยโดยผ่านที่ด่านชายแดนถาวรบ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด โดยอ้างว่าจะเข้ามาซื้อพลอย และเมื่อผู้ต้องหาเดินทางมาถึงที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองคลองใหญ่ ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราดที่ 182 บ้านหาดเล็ก และเจ้าหน้าที่ตม.คลองใหญ่ จึงขอทำการตรวจค้นร่างกาย และกระเป๋าเดินทาง แต่ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จากนั้นจึงขอตรวจรองเท้าหุ้มข้อของผู้ต้องหา ปรากฏว่าพบโคเคนบรรจุอยู่ในหลอดพลาสติกสีขาว และหุ้มด้วยพลาสติกใสอีกชั้นหนึ่ง จำนวน 38 หลอด

จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ และทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมนำตัวผู้ต้องหาส่งโรงพยาบาลคลองใหญ่ เนื่องจากคาดว่าน่าจะมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ในร่างกาย และจากการ X-Ray พบว่ามีโคเคนจำนวนมากบรรจุอยู่ในหลอดพลาสติก อยู่ในกระเพาะปัสสาวะ และลำไส้ใหญ่ของผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตม.คลองใหญ่ จึงได้นำยาถ่ายให้ผู้ต้องหากิน เพื่อนำของกลางออกมาจากร่างกาย โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงสามารถนำของกลางออกจากกระเพาะปัสสาวะมาได้ จากนั้นได้นำของทั้งหมดซึ่งประกอบด้วย โคเคนที่พบในรองเท้า จำนวน 38 หลอด และที่พบในกระเพาะปัสสาวะ และสำไส้ใหญ่ อีกจำนวน 90 หลอด รวมน้ำหนัก 1.3 กิโลกรัม มูลค่า 6.5 ล้านบาท โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง เงินสด(เงินไทย) จำนวน 19,000 บาท เงินกัมพูชา 2,000 เรียว และเงินดอลล่า จำนวน 5 ดอลล่า มาทำการแถลงข่าวแก่สื่อมวลชน

ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้เนื่องจากสายข่าวทางทหารได้รับการประสานจาก ปปส.ภาค 2 ว่า ขบวนการลักลอบขนยาเสพติด ได้เปลี่ยนเส้นทางการลำเลียงยาเสพติด จากเดิมเคยใช้เส้นทางในจังหวัดสระแก้ว และจังหวัดจันทบุรี ได้หันมาใช้เส้นทางในจังหวัดตราดแทน เนื่องจากจังหวัดสระแก้ว และจังหวัดจันทบุรี เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น และหลังจากได้รับการประสานจากปปส.ภาค 2 จึงได้กำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจค้นผู้ที่ผ่านเข้าออกบริเวณจุดผ่านแดนทุกแห่ง โดยเฉพาะกลุ่มคนผิวดำ และผู้มีสิ่งของติดตัวมาครั้งละมากๆ ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้ก็เป็นผลจากการเข้มงวดในการตรวจค้นจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าวได้ ซึ่งการสอบสวนในเบื้องต้นผู้ต้องหาจะนำยาเสพติดไปที่พัทยา จังหวัดชลบุรี และยังไม่พบว่ามีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนนี้

นอกจากนี้ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ยังกล่าวอีกว่า ยาเสพติดทั้งหมดที่จับในครั้งนี้ ไม่ใช่ยาเสพติดที่รอการลำเลี่ยงอยู่บริเวณตามแนวชายแดน แต่เป็นยาเสพติดที่อยู่ชั้นในของประเทศเพื่อนบ้าน ที่ผู้ต้องหาไปขนมาเพื่อเตรียมลักลอบขนเข้ามาภายในประเทศไทย ดังนั้นจึงได้สั่งการให้ทหารตามแนวชายแดนเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจค้นและหาข่าวมากขึ้น เพื่อป้องกันการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาภายในประเทศ