จากกรณีคนขับรถแท็กซี่ก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ผู้โดยสารหลายคดีในห้วงเวลาใกล้เคียงกันในพื้นที่กทม. ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 2 ก.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมโชเฟอร์แท็กซี่ 2 ราย ที่ก่อเหตุร้ายได้แล้ว ประกอบด้วยนายพิชัย บุญช่วย อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 282/17 ซอยลาดพร้าว 87 แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กทม. และนายชรินทร์ ช้ำเกตุ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57/41 ถนนโชคชัย 4 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กทม.
สำหรับคดีของผู้ต้องหารายแรก ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี ผบก.น.4 พ.ต.อ.อุทัย กวินเดชาธร ผกก.สส.บก.น.4 และพ.ต.อ.ณรงฤทธิ์ พรหมสวัสดิ ผกก.สน.ลาดพร้าว ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายพิชัย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 985/2555 ลงวันที่ 29 มิ.ย. 55 ข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม พร้อมยึดของกลางที่คนร้ายชิงทรัพย์จากเหยื่อ อาทิ ทองคำรูปพรรณ สร้อยคอ เลสข้อมือ หนักประมาณ 300 บาท น้ำหนักรวม 4.5 ก.ก. มูลค่า 6,856,694 บาท จับกุมตัวได้บริเวณ ซอยหน้าหอพักหญิง สามสุพร เลขที่ 495 หมู่ 5 ถนนศรีเชียงใหม่-แม่โจ้ ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ตรวจค้นห้องพักเลขที่ 312 ชั้นที่ 1 จึงพบทองคำดังกล่าว
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เปิดเผยว่า คดีนี้สืบเนื่องจากวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา เวลา 14.30 น. นายพิชัยก่อเหตุใช้ของแข็งทุบใบหน้าของนางเฟื่อง สายมูล อายุ 50 ปี ลูกจ้างร้านทอง อึ้ง เฮง หลี ตั้งอยู่ในห้างแม็คโคร สาขาบางกะปิ ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดกลางซอยลาดพร้าว 130 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. จากนั้นชิงทรัพย์ทองคำรูปพรรณหนัก 4 กิโลกรัม มูลค่า 6 ล้านกว่าบาทหลบหนีไป
ผบช.น. ระบุต่อไปว่า ต่อมาตำรวจพบรถแท็กซี่โตโยต้าสีชมพู ทะเบียน 4047 กรุงเทพ มหานคร ของนายพิชัยจอดทิ้งไว้ในซอยลาด พร้าว 132 และตรวจสอบพบว่าคนร้ายรายนี้ขนทองคำหลายล้านบาทหลบหนีขึ้นภาคเหนือ ชุดสืบสวนกก.สส.บก.น. 4 จึงติดตามเบาะแสคนร้ายจากกระเป๋าใส่ทองคำ ซึ่งเจ้าของร้านหัวไวติดระบบจีพีเอสเอาไว้ กระทั่งจับกุมผู้ต้องหาได้บริเวณแถวบ้านญาติ ในจ.เชียงใหม่ และยังสามารถยึดทองคำส่งคืนเจ้าของได้ครบถ้วน
ด้านพล.ต.ต.ชาญ ผบก.น.4 แถลงว่า สอบสวนนายพิชัยสารภาพว่า คบหาเป็นแฟนกันกับนางเฟื่องมา 5-6 เดือนแล้ว ก่อนเกิดเหตุนางเฟื่องว่าจ้างนายพิชัย ขับรถแท็กซี่ไปส่งที่ จ.นครราชสีมา เพื่อนำทองคำไปเปลี่ยน ก่อนนำกลับมาส่งที่ร้านทอง แต่ระหว่างทางนายพิชัยชกต่อยนางเฟื่องได้รับบาดเจ็บ กระทั่งหลบหนีออกจากรถไปได้ แล้วทิ้งรถพร้อมกับขนทองคำ 4.5 ก.ก. หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่เชียงใหม่
"ก่อนหน้านั้นนางเฟื่องเคยว่าจ้างนายพิชัยหลายครั้ง นายพิชัยจึงน่าจะเตรียมวางแผนมาก่อนเนื่องจากมีการเปลี่ยนที่อยู่และบัตรประชาชนก่อนล่วงหน้าหลายเดือน" พล.ต.ต. ชาญ กล่าว อย่างไรก็ตาม นายพิชัยอ้างว่า ไม่ได้วางแผนล่วงหน้า แต่ลงมือเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ด้านนางเพ็ญศรี จารุกำเนิดกนก เจ้าของร้านทอง อึ้ง เฮง หลี กล่าวขอบคุณตำรวจ พร้อมมอบเงินสด 1 แสนบาทเพื่อเป็นการสนับสนุนกิจกรรมตำรวจ และพล.ต.ท.คำรณวิทย์มอบเงินสบทบอีก 1 แสนบาทให้ชุดจับกุม
ส่วนเหตุโจรในคราบแท็กซี่อีกคดี เวลา 13.10 น. ที่สน.ลาดกระบัง พ.ต.อ.คมสัน แตงจุ้ย ผกก.สน.ลาดกระบัง กล่าวว่า ตำรวจสามารถจับกุมนายชรินทร์ ช้ำเกตุ อายุ 35 ปี ขณะกบดานอยู่ในบ้านพักแฟลตเอื้ออาทรหัวหมาก ตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี เลขที่ 588/2555 ลงวันที่ 1 มิ.ย. 55 ข้อหาชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน และพกพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมยึดรถแท็กซี่ไว้ตรวจสอบ
พ.ต.อ.คมสัน ระบุว่า เบื้องต้น นายชรินทร์ ผู้ต้องหารายนี้ยังปฏิเสธ อ้างว่ารถแท็กซี่ของตนซื้อขายต่อเนื่องกันมาหลายทอด และไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ผู้โดยสารหลายรายเหมือนที่ถูกกล่าวหา แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เพราะจากการพิสูจน์หลักฐาน รวมถึงเช็กภาพกล้องวงจรปิด รวมทั้งเชิญเจ้าทุกข์หลายคนมาชี้ตัวล้วนยืนยันตรงกันว่านายชรินทร์คือคนร้าย
ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.สายันต์ เพ็ชรยืนยง รองผกก.สส.สน.ลาดกระบัง เรียกผู้เสียหาย 4 ราย รวมถึงพนักงานครัวการบินไทยที่ตกเป็นเหยื่อนายชรินทร์ใช้มีดจี้ชิงทรัพย์มาให้ข้อมูลและชี้ตัวคนร้าย ซึ่งวิธีการของนายชรินทร์จะเลือกรับผู้โดยสารหญิงที่เดินทางลำพังเวลากลางคืน จากนั้นขับรถออกนอกเส้นทางแล้วล็อกรถและใช้มีดปอกผลไม้จี้ข่มขู่เอาทรัพย์สิน เช่น เงินสดและโทรศัพท์มือถือ ตำรวจรับแจ้งเหตุในท้องที่สน.บางชัน และสน.วังทองหลาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้เสียหายรายที่ 4 ชื่อน.ส.เอ (นามสมมติ) พนักงานบริษัทเอกชน อายุ 24 ปี เปิดเผยหลังจากชี้ตัวคนร้ายว่า คืนวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา ไปเที่ยวสถานบันเทิงย่านอาร์ซีเอ เวลาประมาณ 02.00 น. ออกมาเรียกแท็กซี่หน้าทางเข้าอาร์ซีเอเพื่อกลับบ้านพักซอยวิภาวดี 20 โดยขึ้นรถแท็กซี่ของนายชรินทร์ ซึ่งอ้างว่าขับพาเข้าทางลัดเพื่อไปออกถนนพระราม 9 แต่ขับมาสักระยะรู้สึกว่าทางเริ่มเปลี่ยวขึ้นเรื่อยๆ จึงบอกให้นายชรินทร์เปลี่ยนทางออกไปถนนใหญ่ แต่กลับเลี้ยวรถเข้าไปในซอยวิคตอเรียซีเคร็ตอาบอบนวดที่มืดและเปลี่ยวกว่าเดิม จนมาถึงช่วงท้ายซอยก็ดับไฟทั้งคัน พร้อมทั้งใช้มีดหันมาฟันถูกมือของตนได้รับบาดเจ็บ และข่มขู่ชิงทรัพย์สินก่อนขับรถแท็กซี่หลบหนีไป