หลังจาก "ปิงปอง-สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ" ออกมาแฉในราย "เช้าดูวู้ดดี้" โดยอ้างว่าขณะนี้ลำบากมากเพราะทั้งตกงานและไม่มีเงิน แถมยังถูกฟ้องล้มละลาย เพราะถูกนายปีเตอร์ นูโว หลอกให้เอาบ้านไปจำนอง และทรัพย์สินอื่นเช่น แหวนเพชร ทองรูปพรรณ นาฬิกาจนหมดเนื้อหมดตัว ล่าสุดวันเดียวกัน นายปีเตอร์ นูโว มือคีย์บอร์ดอดีตวงดนตรีชื่อดัง ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “ไนน์เอ็นเตอร์เทน” ทางโมเดิร์นไนน์ทีวีว่า “จากกรณีที่ คุณสะแกวัลย์ ยงใจยุทธ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “เช้าดูวู้ดดี้” โดยมีเนื้อหาพาดพิงถึงตัวผม ในทำนองว่าปัจจุบันผมร่ำรวยมีบ้านราคา 10 ล้าน มีรถ 4 คัน แต่ตัวเองกลับต้องตกระกำลำบากเพราะมาช่วยผม ทำให้ต้องถูกฟ้องร้องเป็นคดีมีหมายศาลมาที่บ้านนั้น ด้วยบุคลิกของผมอย่างที่ทุกท่านเห็นอยู่แล้วว่า ผมไม่ใช่คนพูดมากหรือพูดเก่ง ผมเป็นนักดนตรีอาชีพ ผมไม่ถนัดไปออกรายการโทรทัศน์ให้สัมภาษณ์เหมือนปิงปอง หากเนื้อหาของการให้สัมภาษณ์ของปิงปองเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ผมคงไม่มีประเด็นอะไรที่จะต้องออกมาชี้แจง แต่บังเอิญสิ่งที่ปิงปองพูดนั้นเป็นเรื่องจริงบางส่วน หรืออาจจะเรียกได้ว่าเมื่อรวมกับเนื้อเรื่องทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้ว มันกลายเป็นคนละเรื่องเลยก็ว่าได้ ซึ่งทำให้ประชาชนทั่วไปที่ได้รับชมรายการเช้าดูวู้ดดี้ในวันนี้ เข้าใจผิดและคิดว่าผมเป็นคนไม่ดีเหมือนกับที่ปิงปองพยายามจะสื่อไปในทางนั้น ดังนั้นผมจึงจำเป็นต้องชี้แจงข้อเท็จจริงในส่วนของผมเพื่อที่อย่างน้อยที่ สุด พี่น้องสื่อมวลชนทุกท่านจะได้มีโอกาสรับทราบความจริง ตลอดจนหลักฐานพิสูจน์สิ่งที่ผมพูดด้วย”

“ปิงปองมีประวัติความเป็นมาอย่างไร ทุกท่านทราบดีอยู่แล้ว ผมคงไม่ต้องรื้อฟื้นอีก ปิงปองเป็นอดีตดาราเจ้าบทบาทที่แสดงได้เก่งมาก จนบางครั้งตัวเองก็แยกไม่ออกระหว่างเรื่องจริงกับการแสดง แต่สิ่งหนึ่งที่ปิงปองอาจจะลืมนึกไปก็คือ ประชาชนส่วนใหญ่มีวุฒิภาวะสามารถแยกแยะออกว่าอะไรเป็นอะไร เรื่องราวต่างๆ ที่ปิงปองเคยก่อขึ้นมาในอดีตล้วนแล้วแต่ยังอยู่ในความทรงจำของทุกคน ปิงปองต้องตระหนักว่าการออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์ซึ่งออกอาอากศทั่ว ประเทศนั้น หากสิ่งที่ตนเองพูดไม่เป็นความจริง แล้วคนที่ถูกพาดพิงมีหลักฐานพิสูจน์ได้ มันจะกลายเป็นหอกย้อนกลับไปทิ่มแทงตนเอง สำหรับประเด็นเรื่องคดีความที่ถูกฟ้องร้อง ผมเองก็ตกเป็นจำเลยในคดีนั้นด้วย ไม่ใช่ปิงปองคนเดียว แท้ที่จริงมันก็ไม่ได้เป็นคดีที่ร้ายแรงอะไร หลังจากที่เราประสบการปัญหาเรื่องการเงิน ทางธนาคารก็ยื่นฟ้องตามขั้นตอนปกติ ปัจจุบันก็อยู่ระหว่างเจรจาประนอมหนี้กับธนาคาร โดยวิธีการแก้ไขเรื่องนี้ก็คือเราตกลงขายบ้านแล้วเอาเงินใช้หนี้ธนาคารทั้ง หมด หากมีเงินเหลือก็เป็นของปิงปองซึ่งผมตั้งใจว่าจะให้เงินช่วยเหลือปิงปองอีก ส่วนหนึ่งต่างหากด้วย ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ผมก็ไม่เข้าใจว่าว่าปิงปองจะออกมาพูดเรื่องนี้ทำไม ทั้งที่ตนเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าปัญหาด้านการเงินที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ เราร่วมกันก่อหนี้เพื่อทำธุรกิจร่วมกันกับพี่สาวของปิงปอง ปิงปองเองก็ได้รับเงินกู้จากธนาคารเช่นกัน แต่กลับกลายเป็นว่าผมต้องรับผิดชอบทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว”

“สำหรับประเด็นเรื่องทรัพย์สินของผม ผมไม่ได้มีทรัพย์สินเงินทองมากมายอย่างที่ปิงปองอ้าง ที่ว่าผมมีรถ 4 คัน ความจริงแล้วรถ 3 คันเป็นรถของพี่น้องภรรยาผม ตัวผมเองมีรถเพียงคันเดียว บ้านผมก็ราคาแค่ 4 ล้านบาทเศษ ไม่ใช่ 10 ล้านบาท เป็นบ้านของภรรยาผม ผมไม่ได้เป็นคนซื้อ การที่ปิงปองพยายามสร้างภาพว่าผมร่ำรวย แต่ตัวเองกลับมีชีวิตที่ตกตต่ำ ผมคงต้องถามว่า ปิงปองทำตัวเองให้ตกต่ำหรือเปล่า ในส่วนประเด็นเรื่องการหลอกลวง ที่ปิงปองกล่าวหาว่าผมกับภรรยาไปหลอกลวงเขา เอาบ้านของเขาไปจำนองก็ดี หรือเอาเพชร พลอย นาฬิกา ของเขาไปจำนำก็ดี ผมขอพูดแบบไม่ต้องอธิบายความอะไรมากว่าอยู่ๆ ผมจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร ปิงปองไม่ใช่เด็กสองขวบที่ผมจะทำอะไรหรือหลอกลวงอย่างไรก็ได้ การจะจำนองบ้านมันมีขั้นตอนหลายอย่าง ไม่ใช่ว่านึกอยากจะเอาบ้านไปจำนองก็ทำได้ภายในวันสองวัน ประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือ บ้านที่นำไปจำนองกับธนาคารไม่ใช่ของผม ผมไม่มีชื่ออยู่ในโฉนดแต่เป็นชื่อของปิงปอง คำถามคือว่า ผมจะนำบ้านเขาไปจำนองได้อย่างไรถ้าไม่ใช่ความประสงค์ของเขา เพชร พลอย นาฬิกา ก็เช่นกัน นึกจะหยิบก็เอาไปได้ง่ายๆ อย่างงั้นหรือ ปิงปองรู้อยู่แก่ใจว่าตนเองกำลังทำอะไร ใครได้เงินจากการนำทรัพย์สินไปจำนำ ใครเดือดร้อนเรื่องเงิน และใครเป็นคนขอร้องให้ผมช่วยทำ จริงๆ แล้วผมมีธุรกิจขายเพชรพลอย เครื่องประดับของผมเองด้วยซ้ำ ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องเอาเพชรพลอยของปิงปองไปจำนำ”