วันที่ 28 มิ.ย. พ.ต.ท.คมกฤช ขำเสถียร สารวัตรเวรสภ.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุคนร้ายลากตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาสี่แยกปากร่วม ริมถนนสาย 331 ฉะเชิงเทรา–สัตหีบ ฝั่งขาเข้าสัตหีบ เลขที่ 310/9 หมู่ 3 ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จึงเดินทางตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.เอนก สิงหา รองผกก.สืบสวน สภ.บ่อวิน ร่วมตรวจสอบด้วย
เมื่อถึงที่เกิดพบตู้เอทีเอ็มล้มคว่ำอยู่ที่พื้นหน้าธนาคาร ห่างจากช่องใส่ตู้หน้าธนาคารประมาณ 10 เมตร มีเชือกไนล่อนสลิงสำหรับลากจูง 1 เส้นยาว 6 เมตรพันรอบตู้ จึงประสานงานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตำรวจภูธรภาค 2 มาเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ
จากการตรวจสอบเงินสดในตู้พบว่าไม่ได้ถูกคนร้ายนำออกไป เนื่องจากตู้เอทีเอ็มล้มคว่ำทับช่องใส่ลิ้นชักใส่เงินสดหลังตู้ ทำให้คนร้ายซึ่งคาดว่ามีประมาณ 2–3 คนไม่สามารถพลิกตู้ที่มีน้ำหนักกว่าครึ่งตันเพื่อนำเงินสดออกมาได้ จากการตรวจสอบพบว่าเงินสดในตู้ยังอยู่ครบ ซึ่งเมื่อช่วงเย็นวานทางธนาคารเพิ่งนำเงินสด 7 ล้านบาทบรรจุใส่เข้าไปในตู้ จนถึงช่วงเกิดเหตุเหลือเงินสดในตู้ประมาณ 5.6 ล้านบาท
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตมีคนร้ายเป็นชาย 2–3 คน ขับรถยนต์เก๋งสีขาว ไม่ทราบยี่ห้อหมายเลขทะเบียน ถอยหลังเข้ามาจอดหน้าตู้เอทีเอ็ม ก่อนที่คนร้าย 2 คนร้ายจะลงมาใช้เชือกคล้องเข้าที่ตู้เอทีเอ็มมัดผูกติดกับท้ายรถ ก่อนเร่งเครื่องกระชากตู้หลุดออกมากองอยู่บนพื้นหน้าธนาคาร ทำให้สัญญาณเตือนภัยที่ทางธนาคารติดตั้งไว้ดังขึ้น
เมื่อกลุ่มคนร้ายเห็นตู้เอทีเอ็มคว่ำทับลิ้นชักใส่เงินหลังตู้ก็พยายามยกพลิกตู้เพื่อดึงลิ้นชักใส่เงินออกมา แต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากตู้มีน้ำหนักมาก ประกอบกับเสียงสัญญาณเตือนภัยดัง ทำให้เจ้าหน้าที่ธนาคารซึ่งพักอยู่ชั้นบนออกมาดูและมีชาวบ้านในละแวกที่ได้ยินเสียงเริ่มพากันเข้ามาดู คนร้ายจึงปลดเชือกออกจากรถแล้วขับหลบหนีไป อย่างไรก็ตามกล้องวงจรปิดของธนาคารไม่สามารถบันทึกภาพคนร้ายได้ชัด เนื่องจากเป็นช่วงยามวิกาลทางธนาคารจึงปิดไฟส่องสว่างหน้าตู้เอทีเอ็ม จึงไม่สามารถเห็นคนร้ายที่ก่อเหตุได้
จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ประมาณ 20 นาทีก่อนเกิดเหตุ คนร้ายกลุ่มนี้พยายามเข้าไปลากตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย สาขาบ่อวิน ฝั่งตรงข้ามธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่ถูกก่อเหตุ แต่เนื่องจากทางธนาคารกรุงไทยเปิดไฟฟ้าส่องสว่างหน้าตู้เอทีเอ็ม คนร้ายจึงใช้สเปรย์สีส้มฉีดที่กล้องงจรปิด เพื่อไม่เห็นการกระทำขณะลงมือก่อเหตุ แต่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทยไม่สามารถสอดเชือกลากจูงคล้องเข้าไปในตู้เพื่อใช้รถดึงกระชากออกมา คนร้ายจึงเปลี่ยนแผนหันมาก่อเหตุที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแทน
จากการสืบสวนพบว่า เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีชาวต่างชาติเข้าไปซื้อเชือกไนล่อนสลิง ที่ร้านแห่งหนึ่งในตัวเมืองศรีราชา ซึ่งอาจเป็นคนร้ายก่อเหตุดังกล่าว สำหรับในพื้นที่อำเภอศรีราชาช่วงเดือนมิถุนายนเพียงเดือนเดียว มีการก่อเหตุลากตู้เอทีเอ็มแบบเดียวกันนี้ถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาบ่อวิน เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ครั้งที่สอง ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาแหลมฉบัง เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ล่าสุดครั้งนี้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาสี่แยกปากร่วม โดยใน 2 ครั้งหลัง ตำรวจคาดว่ากลุ่มคนร้ายที่ลงมือ น่าเป็นเป็นแก๊งคนร้ายชาวต่างชาติชุดเดียวกันที่ก่อเหตุ ซึ่งตำรวจจะสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป