เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 มิ.ย. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า พล.ต.ต.ธยาน์ฤทธิ์ เอกเผ่าพันธุ์ ผบก.ภ.จ.สมุทรสาคร ได้รับแจ้งจากนายพูลทรัพย์ เลาหกุลวิวัฒน์ เจ้าของร้านอาหารข้าวแกงมหาชัย ซึ่งตั้งอยู่ภายในปั๊มน้ำมันปิโตนาส หมู่ที่ 3 ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ว่า มีชายชาวต่างชาติถูกเด็กรถทัวร์ไม่ประจำทางทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ

หลังรับแจ้งเหตุแล้วผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาครได้ประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดสมุทรสาคร และสืบสวนภูธรเมืองสมุทรสาคร ลงตรวจสอบพื้นที่พบเพียงกองเลือดอยู่ที่บริเวณหน้าร้านขายกาแฟภายในปั๊ม ส่วนผู้บาดเจ็บนั้นมีพลเมืองดีคือนางสุมาลี ยี่สุนแก้ว อายุ 41 ปี ติดต่อรถพยาบาลจากโรงพยาบาลมหาชัย 1 มารับตัวไปเพื่อเข้ารับการรักษาในเบื้องต้น ทราบชื่อต่อมาคือ นายแบ็งก์ ไลต์ สัญชาติอังกฤษ อายุ 36 ปี ถูกอาวุธมีดแทงเข้าที่ชายโครงด้านซ้ายเป็นแผลฉกรรจ์ มีนายแพทย์สงวน ขัตตินานนท์ เป็นผู้ให้การรักษา

จากการสอบถามนางบัฟ สัญชาติเยอรมัน ภรรยาของผู้บาดเจ็บ เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านล่ามชาวไทย ระบุว่า นายไลต์และตนเองขึ้นรถทัวร์ โดยสารไม่ประจำทางปรับอากาศชั้นเดียว สีเขียวหมายเลขข้างรถ 31-742 สุราษฎร์ธานี ของบริษัท สุราษฎร์111ทัวร์ มาจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีเพื่อจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยตอนที่ขึ้นรถจากต้นทางนั้น มีผู้โดยสารขึ้นมาด้วยประมาณ 20 คน จากนั้นคนก็ลงตามทางไปเรื่อยๆ จนหมด และเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุตรงปั๊มน้ำมันปิโตรนาส รถทัวร์ได้เข้าจอดภายในปั๊ม แล้วบอกตนกับสามีว่ารถเสียให้ลงจากรถแล้วนำรถจักรยาน 2 คัน ของตนเองลงมาไว้ด้านล่าง พร้อมกับบอกว่าให้รอรถคันใหม่มารับ จากนั้นรถทัวร์ก็ขับออกไป

ซึ่งขณะที่ตนกับสามีกำลังช่วยกันประกอบรถจักรยานอยู่บริเวณหน้าร้านกาแฟภายในปั๊ม สามีก็นึกขึ้นได้ว่ากระเป๋าซึ่งมีทั้งเงินดอลลาร์และพาสปอร์ตยังอยู่บนรถทัวร์ จึงได้โทรศัพท์ติดต่อคนขับรถ ให้นำกระเป๋ากลับมาคืนที่ปั๊ม ซึ่งเมื่อรถทัวร์วนกลับมาจอดที่ปั๊มอีกครั้งและยกกระเป๋าลงมาให้ ปรากฏว่ากระเป๋าถูกรื้อค้นและเงินดอลลาร์ที่อยู่ภายในหายไป ตนจึงได้เดินไปบอกสามีที่กำลังประกอบรถจักรยาน ซึ่งสามีก็ได้เดินมาตรวจสอบและเข้าไปพูดกับเด็กรถทัวร์จนมีปากเสียงกัน

จากนั้นเด็กรถทัวร์ใช้มีดแทงเข้าที่ชายโครงด้านซ้ายนายไลต์ ก่อนที่จะขึ้นรถทัวร์ขับหลบหนีไป ส่วนสามีได้เดินกลับมาตรงหน้าร้านขายกาแฟ พร้อมกับร่างกายที่ชุ่มไปด้วยเลือดซึ่งไหลออกมาจำนวนมาก โดยตนได้พยายามขอความช่วยเหลือจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ จนได้นางสุมาลี ที่นำรถเข้ามาเติมน้ำมันภายในปั๊มเข้ามาช่วยไว้ทั้งๆ ที่สภาพร่างกายของนางสุมาลีเองก็เพิ่งจะผ่าตัดมา

ซึ่งจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในปั๊มน้ำมัน ปรากฏว่าฮาร์ดดิสก์เต็มทำให้ไม่สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อหาทิศทางการหลบหนีของรถทัวร์คันดังกล่าว อีกทั้งยังจะได้นำเด็กปั๊มน้ำมันและผู้ที่เห็นเหตุการณ์ไปสอบปากคำเพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดและทำให้เสียชื่อเสียงของประเทศไทย

ส่วนรถทัวร์คันก่อเหตุนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังพบอีกว่า เป็นรถทัวร์ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งรถทัวร์พวกนี้จะจัดบริษัทขึ้นมา และรับ–ส่งนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยทำเหมือนกับรถทัวร์ของบขส.ทั่วไป แต่เมื่อของหายจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งเมื่อรับนักท่องเที่ยวมาจากจังหวัดในพื้นที่ท่องเที่ยวแล้ว พอใกล้จะถึงกรุงเทพฯ ประมาณ 50–70 กิโลเมตร ก็จะปล่อยนักท่องเที่ยวลงกลางทาง โดยอ้างว่ารถเสียบ้าง รถยางไม่ดีบ้าง หรือรถมีปัญหาต่างๆนานา ทำให้มีนักท่องเที่ยวถูกทิ้งมาหลายรายแล้ว

ขณะที่ทางด้านของนางบัฟ บอกว่า จะขอติดต่อกับผู้แทนของสถานฑูตฯ ในประเทศไทยเท่านั้น และจะขอให้ส่งตัวสามีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับประเทศ เพราะเกรงว่าสามีจะเลือดตกภายในเป็นอันตรายมากไปกว่านี้

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ล่าสุดตำรวจจับผู้ต้องหาได้แล้ว โดยรวบตัวได้ที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะนี้กำลังนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุปั๊มน้ำมันในจ.สมุทรสาครต่อไป