2 เสียงทรงพลัง น้องไรเฟิ่ล-น้องส้มโอ ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์
เวที ของคนมีความกล้า ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ซีซั่น 2 (23 มิถุนายน) เรียกเสียงฮือฮาได้อีกครั้ง เมื่อเสียงร้องทรงพลังของน้องไรเฟิ่ล เด็กชายตัวเล็ก ๆ อายุ 9 ขวบ และ น้องส้มโอ อายุ 20 ปี ที่ถูกไฟไหม้จนเสียโฉม ทำให้กรรมการและผู้ชมในห้องส่ง รวมถึงผู้ชมทางบ้านต้องขนลุกในความสามารถของทั้งคู่
น้อง ไรเฟิ่ล ศักดิ์ศรุธชา บุญเก็บ อายุ 9 ปี จากจังหวัดชลบุรี ขึ้นเวทีไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ในชุดนักเรียน ด้วยสีหน้าและแววตามุ่งมั่น พร้อมตอบคำถามกรรมการด้วยเสียงอักขระชัดเจน ก่อน ที่ดนตรีเพลง I have nothing ของ Whitney Houston จะบรรเลงขึ้น น้องไรเฟิ่ลยกไมโครโฟนขึ้นเปล่งเสียงร้อง จนคณะกรรมการและผู้ชมในห้องส่งก็ต้องตกอยู่ในภวังค์ เมื่อเด็กชายอายุเพียง 9 ปี สามารถออกเสียงและท่าทางได้ไม่แพ้มืออาชีพ
เสียงร้องอันไพเราะของน้องไรเฟิ่ล ทำให้คณะกรรมการทั้ง 3 ท่าน โดยเฉพาะ โจ จิรายุส วรรธนะสิน และ เบนซ์ พรชิตา ณ สงขลา รวมทั้งผู้ชมในห้องส่งอีกมากมายถึงกับต้องยืนขึ้นเพื่อปรบมือด้วยความประทับ ใจ โดยคณะกรรมการยังเอ่ยปากชมและพร้อมใจกันให้ผ่านฉลุย
นอก จากนี้ ยังมีกระแสชื่นชมน้องไรเฟิ่ลกระจายอยู่ในอินเทอร์เน็ต ซึ่งหลายเสียงก็ชื่นชมในความกล้าแสดงออกและความสามารถของน้องไรเฟิ่ล โดยเฉพาะท่าทางการเปล่งเสียงร้องที่ออกมาจากอินเนอร์ ในแบบที่ผู้ใหญ่หลายคนยอมรับว่ายังทำไม่ได้ แม้ จะมีคนทักท้วงว่าน้องไรเฟิ่ลยังมีการออกเสียงที่ผิดเพี้ยนอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับวัยเพียง 9 ปีแล้ว ก็ถือว่ายอมรับได้กับผลการตัดสินให้ผ่านของคณะกรรมการทั้ง 3 ท่าน ทำเอาน้องไรเฟิ่ลมีกองเชียร์เพิ่มขึ้นอีกเพียบ
ส่วนสาวน้อยอีกคนหนึ่งที่เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่แพ้กัน ก็คือ น้องส้มโอ วรรณภา บริบูรณ์ อายุ 20 ปี นักศึกษาจากจังหวัดขอนแก่น ที่ปรากฏตัวบนเวทีพร้อมกับร่องรอยแผลไฟไหม้บนใบหน้าและร่างกาย ซึ่งน้องส้มโอ บอกว่า เกิดจากการที่เธอไปจุดไม้ขีดไฟเข้าในขณะที่คุณแม่หลับ ทำให้น้องส้มโอถูกไฟเผาเข้าที่ร่างกายจนเกิดเป็นแผลไหม้
แน่นอนว่าการเติบโตขึ้นพร้อมกับแผลไฟไหม้โดยเฉพาะที่ใบหน้า ทำให้น้องส้มโอผ่านชีวิตวัยเด็กมาอย่างยากลำบาก ต้องถูกเพื่อนล้อสารพัดรูปแบบ โดยเฉพาะคำที่เรียกเธอว่า “หน้าผี” แม้เธอจะต้องเสียใจแต่น้องส้มโอก็บอกว่าให้อภัยเพื่อนทุกคนได้เสมอ และพร้อมจะเป็นกำลังใจให้กับการก้าวต่อไปของเพื่อน ๆ ทุกคนในอนาคต
สำหรับ เพลงที่น้องส้มโอเลือกมาร้อง ก็คือเพลง This is me ของ Demi Lovato จากภาพยนตร์เรื่อง Camp Rock ที่เนื้อเพลงมีความหมายที่ดีและตรงกับตัวเธอมาก ๆ จนทำให้คนดูและคณะกรรมการต้องขนลุก เสียงร้องของน้องส้มโอก็หวานนุ่มแต่มีพลัง จนทุกคนตั้งใจดูกันแบบตาไม่กระพริบ
แต่เมื่อร้องเพลงไปได้ไม่นาน ก็มีเสียงกดหยุดดังขึ้น จากคณะกรรมการหนึ่งท่าน คือ ภิญโญ รู้ธรรม แต่น้องส้มโอก็ยังคงร้องเพลงต่อไปอย่างตั้งใจ เทคนิคการออกเสียงก็เทียบเคียงได้ระดับมืออาชีพ จนเรียกเสียงปรบมือได้เป็นระยะตลอดการโชว์ของเธอ เมื่อสิ้นสุดเสียงเพลงลง คณะกรรมการต่างก็วิจารณ์เป็นเสียงเดียวกันว่า การเปล่งเสียงร้องและการเลือกเพลงของน้องส้มโอนั้นชนะใจกรรมการไปเต็ม ๆ
ส่วน ภิญโญ รู้ธรรม หนึ่งในคณะกรรมการที่กดหยุด ก็ชี้แจงว่า ที่เขากดหยุดเพราะฟังแล้วขนลุก และไม่อยากขนลุกต่อไปจึงอยากจะกดหยุดไว้เพียงเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการทั้ง 3 ท่าน ก็พร้อมกันให้น้องส้มโอผ่านเข้ารอบต่อไป จน น้องส้มโอโผเข้ากอดคุณแม่และน้ำตาปริ่มด้วยความตื้นตันใจ ก่อนที่จะยอมรับกับพิธีกรว่า คิดอยู่นานเหมือนกันที่จะมาเปิดเผยตัวในการประกวดครั้งนี้ เนื่องจากเป็นคนมีรอยแผลเป็น ไม่รู้ว่าคนอื่นจะยอมรับตนเองได้ไหม แต่สุดท้ายก็รววบรวมความกล้าและมาเข้าประกวด จึงอยากฝากให้ทุกคนมีความกล้าเหมือนกันกับตน เพราะทุกสิ่งสามารถเป็นจริงได้เพียงแค่มีความกล้าเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม การกดหยุดจากหนึ่งในคณะกรรมการอย่าง ภิญโญ รู้ธรรม ก็ทำให้เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในอินเทอร์เน็ตว่า เหตุใดถึงมีการกดหยุดทั้งที่น้องส้มโอมีความสามารถในการร้องเพลง โดยมีการนำเอาไปเปรียบเทียบกับการตัดสินในครั้งก่อน ๆ ถึงความไม่เหมาะสมด้วยว่า นายภิญโญเคยดูการเปลือยอกวาดภาพจนจบแบบไม่มีกดหยุด ซึ่งถ้าหากน้องส้มโอเห็นไฟหยุดแล้วไม่มีการร้องเพลงต่อ ก็แปลว่าน้องจะต้องตกรอบไปเลยใช่หรือไม่ ทั้งนี้ ก็มีหลายเสียงที่ช่วยชี้แจงว่าการกดไฟหยุดนั้นไม่ได้หมายความว่าไม่ให้ผ่าน แต่หมายถึงตัดสินใจได้แล้วว่าจะให้ผ่านจึงให้หยุดร้องได้ ซึ่งประเด็นนี้ยังคงมีการวิจารณ์กันอยู่เป็นระยะ
แน่ นอนว่าความสามารถในการร้องเพลงของ น้องไรเฟิ่ล และน้องส้มโอ เป็นที่ยอมรับจากคณะกรรมการทั้ง 3 ท่าน และจากผู้ชมจำนวนมากว่าทั้งคู่มีความสามารถและน้ำเสียงที่ทรงพลังซึ่งถือว่า เป็นการแสดงความสามารถอย่างแท้จริง กองเชียร์ก็คงต้องช่วยลุ้นช่วยเชียร์และเป็นกำลังใจให้น้องทั้งสองคนไปให้ ถึงฝั่งฝันให้ได้นะจ๊ะ...สู้ๆ