กรณีมีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คน ลักลอบนำระเบิดสังหารบุคคล แบบเคโม เอ็ม 18 เอ 1 เข้าไปวางที่กำแพงเรือนจำกลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ก่อนกระโดดข้ามรั้วโรงเรียนประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งอยู่ใกล้กันแล้วกดชนวนระเบิด หวังทำลายกำแพงเรือนจำ แต่แรงระเบิดทำได้เพียงสร้างความเสียหายเล็กน้อยเท่านั้น โดยเบื้องต้นเชื่อว่าเป็นการวางแผนทำลายกำแพงเรือนจำ เพื่อเปิดทางให้นักโทษคดีอุจฉกรรจ์หลบหนีระหว่างลงจากห้องควบคุมในแดนมั่นคงสูงเพื่ออาบน้ำก่อนขึ้นเรือนนอนเมื่อวันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน55 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 25 มิ.ย. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่ห้องปฏิบัติการ สถานีตำรวจภูธรเมืองสุราษฎร์ธานี พลตำรวจตรีวิทูร ธรรมรักษา ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี นำตัวคนร้ายในคดีนี้ คือ นายกิตติศักดิ์ สีแก้วคง หรือบาสห้อย อายุ 20 ปีอยู่บ้านเลขที่ 223/77 ม.4 ต.มะขามเตี้ย อ.เมืองจ.สุราษฎร์ธานี และนายบาสเล็ก (ชื่อสมมติ) อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 260/34 ม.4 ต.มะขามเตี้ย อ.เมืองสุราษฎร์ธานี มาแถลงข่าว
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 24 มิ.ย. ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี สามารถจับกุมนายกิตติศักดิ์ ได้ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่หมู่บ้านรังสรรค์ ถนนอำเภอ ต.ตลาด อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นบ้านของนายธนาวุฒิ ชูนิล อายุ 24 ปี เพื่อนของนายกิตติศักดิ์ ก่อนนำมาสืบสวนขยายผลจนทราบว่าเพื่อนที่ก่อเหตุคือนายบาสเล็ก ซึ่งหนีไปกบดานที่บ้านเพื่อน ที่หมู่บ้านดอนเกลี้ยง ต.ขุนทะเล อ.เมืองสุราษฎร์ธานีพร้อมของกลางรถจักยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่ารุ่นสเต๊ปในสภาพถูกถอดชิ้นส่วนและเสื้อผ้าที่ใช้ในวันก่อเหตุ
เบื้องต้นนายกิตติศักดิ์ รับสารภาพว่า ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์มือถือจากนายนัฐพงศ์ อยู่สกุล อายุ 22 ปีหรือบ่าว ซึ่งเป็นนักโทษในเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานีคดีฆ่าผู้อื่นบริเวณหน้าสนามกีฬาเทศบาลนครสุราษฎร์ธานีเมื่อวันที่ 1 ก.ค.52และถูกจับกุมเมื่อวันที่ 8 ก.ย.52 อีกทั้งเป็นเพื่อนรักของนายกิตติศักดิ์ ให้ก่อเหตุวางระเบิดกำแพงเรือนจำโดยมีการประสานกับกลุ่มนักโทษในเรือนจำ ผ่านนายบ่าว โดยไม่รู้ว่าใครคือคนบงการที่แน่ชัด
นายกิตติศักดิ์ สารภาพว่า มีคนที่นายบ่าวบอกว่าเป็นทหาร นำระเบิดใส่กระเป๋ามาให้บริเวณถนนเสรีพล เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ประมาณ 3 วันก่อนเกิดเหตุ ตนจึงไปนำระเบิดตามนัดหมาย ได้ระเบิดพร้อมเครื่องชนวนและเงิน 800 บาท หลังจากนั้นก็ได้รับโทรศัพท์เร่งให้ตนรีบทำงานให้สำเร็จโดยแนะวิธีวางระเบิดและจุดชนวนหากทำสำเร็จจะได้เงินหลักแสนบาทและพาไปเลี้ยงดูที่กรุงเทพ พร้อมจะจ่ายค่าจ้างหลักแสนบาทจึงไปชักชวนนายพุฒธิพงศ์ ไปนำระเบิดมาก่อเหตุ โดยตนเป็นคนหิ้วกระเป๋าระเบิดและเดินสายชนวนยาวประมาณ 5 เมตร ส่วนนายบาสเล็ก ทำหน้าที่วางระเบิดและกดชนวนระเบิดและทราบว่าในวันที่ตนก่อเหตุ มีรถยนต์ 2-3 คันน่าจะเป็นกระบะสี่ประตูอีซูซุ รุ่นดีแม็คและรถแวน ไม่ทราบยี่ห้อสีบรอนซ์ทอง มาจอดรอรับนักโทษหากกำแพงพังด้านหน้าเรือนจำด้วย ซึ่งตนไม่ทราบว่าคนสั่งการคือใครเพียงอยากได้ค่าจ้างและช่วยเหลือเพื่อนรักออกจากคุกเท่านั้น
พลตำรวจตรีวิทูร กล่าวว่า ตำรวจทำงานอย่างหนักจนสามารถติดตามคนร้ายได้ภายใน 24 ชั่วโมงโดยได้ข้อมูลจากสายลับว่าทั้งสองเป็นผู้ก่อเหตุจึงนำกำลังเข้าจับกุมซึ่งจากการสอบสวนคาดว่าไม่ผิดตัวแน่นอนส่วนผู้สั่งการหรือร่วมขบวนการจะสืบสวนติดตามต่อไป