'ปานศิริ' เร่งเครื่องตำรวจภูเก็ตคลี่คดี 2 คนร้ายแทง ฆ่าชิงทรัพย์ 'แหม่มออสซี่' ประกาศตั้งค่าหัว 3 แสนบาท มั่นใจไม่รอดเงื้อมมือเจ้าหน้าที่แน่ เผยข้อมูลจากพยาน-กล้องวงจรปิด-การจำลองเหตุการณ์ช่วยให้ออกภาพสเกตช์มือมีดได้ ชี้อายุอยู่ระหว่าง 20-25 ปี ตัดผมรองทรง รูปร่างสูงเกิน 175 ซ.ม. ขณะที่ผู้การฯ ภูเก็ต สั่งตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาคดีกระชากกระเป๋า รวมถึงชิงทรัพย์ทั่วทั้งภูเก็ต
'ปานศิริ'เร่งคลี่คดีฆ่าออสซี่
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 มิ.ย. ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธร จ.ภูเก็ต พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร. เป็นประธานประชุมมอบนโยบายการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาล และมอบนโยบายทำงานในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมด้วยพล.ต.ท.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.อ.ฉัตรชัย โปตระนันทน์ ที่ปรึกษา (สบ 10) และพล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผบช.ภ.8
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุม พล.ต.อ.ปานศิริกำชับให้เร่งรัดติดตามความคืบหน้าคดีวัยรุ่นชาย 2 คนก่อเหตุชิงทรัพย์และใช้อาวุธมีดฆ่านางสมิธ มิเชล เอลิซาเบธ วัย 59 ปี เสียชีวิต และทำร้ายนางลิน แทมมี่ ลี วัย 42 ปี บาดเจ็บ โดยสตรีชาวออสเตรเลียทั้งสองคนเป็นเอเยนต์บริษัททัวร์ บินมาสำรวจดูสถานที่ในภูเก็ต เหตุเกิดหน้าโรงแรมกะตะธานี บีช รีสอร์ท ท้องที่ต.กะรน กลางดึก 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีพล.ต.ต.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมกลุ่มพนักงานสอบสวนในคดี ทั้งตำรวจน้ำ ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจทางหลวง และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรต่างๆ ในภูเก็ตเข้าร่วมประชุมราว 2 ชั่วโมง
'วงจรปิด'จับภาพ'มือมีด'ได้
พล.ต.อ.ปานศิริเปิดเผยว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีกำชับให้ตำรวจจับกุมคนร้ายคดีดังกล่าวให้ได้ จึงเดินทางมาภูเก็ตเพื่อทำคดีนี้ ขณะที่พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. สั่งการให้ประสานการทำงานกับหน่วยงานตำรวจข้างเคียง ทั้งกองบังคับ การตำรวจท่องเที่ยว กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบังคับการตำรวจน้ำ กองบังคับการตำรวจทางหลวง รวมทั้งกองบัญชา การตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกันคลี่คลายคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญประชาชนและนักท่องเที่ยวภูเก็ตที่เกิดขึ้น คิดว่าหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมกับผู้เกี่ยวข้องไปแล้วคงมอบหมายสั่งการให้ทำอะไรบ้าง หรือมีทิศทางการทำงานดีขึ้นกว่าเดิม
รองผบ.ตร.ระบุว่า จากการติดตามการสืบสวนสอบสวนทราบว่าคดีมีความคืบหน้าไปมาก คือมีการสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุ ซึ่งเห็นเหตุการณ์ขณะคนร้ายลงมือก่อเหตุจำนวนหนึ่ง รวมทั้งการสอบปากคำพยาน หรือมีประจักษ์พยานเพิ่มขึ้น สามารถให้ตำหนิรูปพรรณคนร้ายได้ ประกอบกับฝ่ายสืบสวนของตำรวจภูธร จ.ภูเก็ตได้ติดตามภาพจากฐานข้อมูลในระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือ ซีซีทีวี 6 จุด ทำให้เห็นภาพคนร้ายตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ โดยเฉพาะกล้องที่บันทึกภาพคนร้ายในขณะใช้มีดจ้วงแทงนางสมิธ มิเชล เอลิซาเบธ นักท่องเที่ยวผู้เคราะห์ร้าย
ตร.ตั้งค่าหัว 3 แสนบาท
พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวว่า สั่งการให้กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ภูเก็ต และคณะพนักงานสอบสวนที่ตั้งขึ้นรีบไปสเกตช์ภาพคนร้าย ประกอบคำให้การของพยานและภาพจากระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ตรวจสอบได้ทั้งหมด เพื่อขออนุมัติให้ศาลออกหมายจับผู้ต้องหาที่ใช้อาวุธมีดจ้วงแทงนางเอลิซาเบธ ล่าสุดเมื่อพิจารณาดูตำหนิรูปพรรณคนร้ายแล้ว จากคำให้การของพยานและภาพซีซีทีวีชี้ว่าคนร้ายทั้ง 2 คนมีอายุประมาณ 20-25 ปี สูงประมาณ 170 เซนติเมตรขึ้นไป สำหรับจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะกระทำความผิดและหลบหนีเป็นจักรยานยนต์ฮอนด้าดรีม สีน้ำเงิน มีตะกร้าใส่ของอยู่ด้านหน้ารถ จากการรวบรวมของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 29 คันที่มีอยู่ในจังหวัดภูเก็ต และตรวจสอบไปแล้ว 10 คัน ต้องตรวจสอบอีก 19 คัน เรื่องนี้มีความสำคัญมาก จะต้องคลี่คลายคดีให้ได้อย่างรวดเร็ว
'ต้องขอขอบคุณผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และขอบคุณนายสมบัติ อติเศรษฐ์ เจ้าของโรงแรมกะตะธานี บีช รีสอร์ท เป็นอย่างยิ่งที่ทั้ง 3 ท่านมอบเงินให้รายละ 100,000 บาท ขอให้ประชาชนผู้พบเห็นเหตุการณ์เข้ามาให้เบาะแสเพื่อติดตามจับกุม ซึ่งทางตำรวจตั้งรางวัลนำจับไว้ 300,000 บาท เพราะถือว่าทุกคนเป็นเจ้าภาพร่วมกันในการต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่คนร้าย 2 คนกลับมาสร้างความเสียหาย อย่างนี้เรายอมไม่ได้ ขอให้คำมั่นสัญญาว่าตำรวจจะติดตามจับกุมคนร้ายโดยเร็ว' พล.ต.อ.ปานศิริกล่าว
'กงสุล-เหยื่อออสซี่'ร่วมมือเต็มที่
รองผบ.ตร.เปิดเผยด้วยว่า สำหรับการทำหนังสือแสดงความเสียใจไปยังญาติของนางเอลิซาเบธนั้น ทราบว่ากระทรวงการต่างประเทศและรองนายกรัฐมนตรีได้ทำไปแล้ว ขณะเดียวกัน เช้าวันนี้ตนพบกับนายลาร์รี่ คันนิ่งแฮม กงสุลกิตติมศักดิ์ออสเตรเลียประจำภูเก็ต จึงแจ้งให้ทราบว่าตำรวจจะพยายามติดตามเรื่องนี้และจับกุมผู้ก่อเหตุให้ได้ และกงสุลให้ความร่วมมือดีมาก ส่วนนางลีผู้บาดเจ็บได้ให้การกับพนักงานสอบสวนไว้แล้วว่าเมื่อติดตามจับกุมคนร้ายได้ก็พร้อมเดินทางเข้ามาในประเทศไทย และการพิสูจน์ความผิด ตำรวจจะยื่นต่ออัยการให้สืบพยานในชั้นศาลไว้ก่อน
จำลองแผนฆ่าชิงทรัพย์
เวลา 13.30 น. พ.ต.ท.ณรงค์ ลักษณะวิมล รองผกก.ป.สภ.ฉลอง พร้อมตำรวจชุดสืบสวนทั้งในและนอกเครื่องแบบเดินทางไปยังโรงแรมกะตะธานีฯ เพื่อประสานกับนายสมบัติ อติเศรษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร กะตะธานี เคลียร์พื้นที่หน้าโรงแรมจุดเกิดเหตุเพื่อจำลองเหตุการณ์ โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายพิสูจน์หลักฐาน นำโดยพ.ต.ท.ศิริลักษณ์ กุณฑโร นักวิทยาศาสตร์ (สบ 2) หัวหน้าพิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่กว่า 10 นายร่วมกันวางแผนเพื่อต้อนรับคณะของพล.ต.อ.ปานศิริ รองผบ.ตร. ที่มาตรวจจุดเกิดเหตุด้วยตนเอง
ผู้สื่อข่าวแจ้งว่า ในการจำลองเหตุการณ์ที่เห็นจากกล้องวงจรปิด ตำรวจสภ.ฉลองกำหนดให้พนักงานเป็นหญิงสองคนของทางโรงแรมกะตะธานีแสดงเป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวออสเตรเลีย และให้ตำรวจนอกเครื่องแบบแสดงเป็นคนร้ายขี่จยย.สวนมาพบกับเหยื่อทั้งสองคนที่กำลังเดินกลับโรงแรมกะตะธานี ทั้งนี้ คนร้ายลงมือกระชากกระเป๋า แต่เหยื่อขัดขืนจึงใช้มีดแทงแล้วขี่จยย.หลบหนีไปโดยไม่ได้ทรัพย์สินของเหยื่อ จุดชิงทรัพย์อยู่ริมถนน ห่างจากโรงแรมกะตะธานีประมาณ 200 เมตร
ต่อมาพล.ต.อ.ปานศิริให้สัมภาษณ์ว่า ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่เห็นนาทีคนร้ายจ้วงแทงผู้เสียหาย ขณะนี้การรวบรวมพยานหลักฐานได้เร่งสเกตช์ภาพคนร้ายให้เสร็จโดยเร็วเพื่อขออนุมัติหมายจับ เราเชื่อมั่นว่าจะติดตามจับกุมคนร้ายได้
ไล่เช็กคนร้ายคดีคล้ายคลึงกัน
พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ตกล่าวว่า หลังจากพล.ต.อ.ปานศิริส่งมาร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าวแล้ว ทางชุดสืบสวนสอบสวนพบหลักฐานจากกล้องวงจรปิดเป็นภาพของคนร้ายได้จากบริเวณจุดที่เกิดเหตุ รวมทั้งพบพยานผู้เห็นเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธมีดแทงเหยื่ออย่างชัดเจน จากการตรวจสอบหลักฐานทั้งหมดถึงขณะนี้พบว่าคนร้ายน่าจะเป็นบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย เคยต้องคดีและเคยก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว ซึ่งทุกสถานีตำรวจในพื้นที่จะบันทึกข้อมูลของการกระทำความผิดอยู่แล้ว ทั้งเคยต้องโทษหรือไม่เคยต้องโทษก็ตาม
พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ระบุอีกว่า ลักษณะของคนร้ายที่บันทึกภาพได้นั้นมีรูปร่างสูงใหญ่ สูงประมาณ 175 ขึ้นไป ตัดผมรองทรง สูงกว่าคนไทยปกติ คาดว่าอายุอยู่ประมาณ 25 ปี ซึ่งเป็น 1 ใน 2 คนร้ายที่เป็นคนนั่งซ้อนท้ายและเป็นผู้ลงมือก่อเหตุชิงทรัพย์และเอามีดแทงสตรีชาวออสเตรเลีย