เกิดเหตุกุฎิภายในวัดสีกุก เลขที่ 35 ม. 2 ต.พระขาว อ.บางบาล พังทลายลงมาจำนวน 4 หลัง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าที่เกิดเหตุเป็นกุฎิไม้ชั้นเดียวอายุมากกว่า 44 ปี สภาพเก่ามาก เป็นกุฎิที่ปลูกติดกันเป็นแถวยาว 4 หลัง มีสภาพพังลงไปทางด้านหลังเสียหายทั้งหมด พระเณรและคนงานกำลังช่วยกันเก็บสิ่งของเครื่องใช้ออกจากกองเศษไม้ที่พังลงมา และพบว่าที่เสาแต่ละต้นของกุฎิทุกหลังมีแม่แรงและลอกโซ่ติดอยู่ทุกต้น
ด้าน พระเจริญ ฐีระธัมโม อายุ 43 ปี พระลูกวัดเปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุนั่งพูดคุยกับพระอีกรูปที่หน้ากุฎิของตน ที่อยู่ระหว่างการดีดเสาให้สูงขึ้น 2.50 เมตร เพื่อหนีน้ำได้ยินเสียงดังลั่นคล้ายกับไม้แตก จากนั้นกุฎิเอียง จึงตะโกนให้พระที่จำวัดในกุฎิอีก 3 รูปวิ่งหนีออกมา สักครู่กุฎิทั้งสี่หลังล้มพับไปทางด้านหลัง โชคดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บ เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่คนงานพักเที่ยงพอดี
พระครูสมุห์บุญมา ประภัสโร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสีกุก เผยว่า ทางพระครูชินธรรมาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดสีกุกและเจ้าคณะอำเภอบางบาล ท่านเห็นว่า เป็นวัดที่อยู่ติดริมแม่น้ำน้อย ประสบปัญหาน้ำท่วมทุกปี โดยปีที่ผ่านมาน้ำท่วมหนัก ทำให้พระเณรเดือดร้อน จึงได้ตัดสินใจดีดเสาให้สูงขึ้น โดยครั้งแรกเมื่อสองเดือนก่อนได้ดีดเสากุฎีหลังข้างกุฎิที่พังขึ้นอีก 3 เมตร เสร็จไปแล้วอยู่ระหว่างการตกแต่ง เป็นเงิน 4 แสนกว่าบาท และต่อมาก็ได้มาดีดหอสวดมนต์ เพิ่งแล้วเสร็จ และกำลังจะดีดเสาในส่วนของกุฎิที่เกิดเหตุ 4 หลังเป็นเงินประมาณ 2 แสนบาทไม่รวมค่าวัสดุอุปกรณ์ โดยตั้งใจที่จะดีดสูงอีก 3 เมตร แต่ช่างเพิ่งจะดีดไปได้เพียง 50 ซ.ม.กุฎิพังลงมาทั้งหลังดังกล่าว
ขณะที่ นายสินสมุทร นารินรักษ์ อายุ 54 ปี ผู้รับเหมาเปิดเผยว่า ตนใช้คนงานสับเปลี่ยนกันจำนวน 12-15 คน และรับเหมางานของวัดมาเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว สาเหตุที่กุฎิล้มพังลงไปนั้น น่าจะเกิดจากคานของพื้นหัก เนื่องจากรับน้ำหนักไม่ไหว อย่างไรก็ตามตนก็จะรับผิดชอบทั้งหมด