เมื่อ วันที่ 19 มิถุนายน 2555 เว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษ รายงานว่า เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าทึ่งที่บริเวณชายฝั่งเมืองเลอเน ในรัฐวิคตอเรีย ของประเทศออสเตรเลีย หลังจากที่ระลอกคลื่นซัดเข้าฝั่งแตกเป็นฟองกระจายตัวเป็นทะเลโฟมปกคลุม พื้นที่เป็นระยะทางกว่า 5 กิโลเมตรเลยทีเดียว และแน่นอนว่าปรากฏการณ์ทะเลโฟมได้ดึงดูดสายตาของนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่ละคนล้วนแล้วแต่อดใจไม่ไหวที่จะมาดำผุดดำว่ายกันอย่างสนุกสนานในทะเล โฟมแห่งนี้
สำหรับปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และถูกบันทึกภาพโดย อเล็กซ์ คลีแลนด์ ชาวบ้านในเมืองเลอเนและเพื่อน ๆ อีก 2 คน ซึ่งเขาเล่าว่า "มันแปลกประหลาดมาก ทั้งนักท่องเที่ยวและชาวบ้านถึงกับต้องหยุดดูและพากันถ่ายรูปเป็นที่ระลึก"
ทั้งนี้ ปรากฏการณ์ทะเลโฟมจะพบเห็นไม่บ่อยครั้งนัก หลายปีถึงจะเกิดขึ้นสักครั้งหนึ่ง โดยเกิดจากภาวะฝนที่ตกลงมาอย่างหนักได้พัดพาอินทรียวัตถุไหลลงสู่ทะเล และถูกคลื่นเขย่าจนเป็นฟอง ก่อนซัดถาโถมกลับคืนสู่ฝั่ง
นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังได้อธิบายว่า ฟองโฟมเหล่านี้ไม่ได้เกิดสิ่งสวยงาม แต่มันเกิดจากสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น ทำ ให้ทะเลสกปรก, เกิดจากเกลือ, เกิดจากปฎิกิริยาทางเคมี, การเน่าเปื่อยของซากพืช ซากสัตว์ในทะเล ปลา ที่เกิดจากน้ำเสียที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น เมื่อทุกอย่างมารวมตัวกันด้วยส่วนผสมที่ลงตัว และมีคลื่นที่เคลื่อนตัวแล้วม้วนตัวลงก็จะทำให้เกิดฟองซึ่งถูกพัดออกมา สะสมอยู่ที่ริมชายหาด
อื้อหือ...หากนักท่องเที่ยวได้ฟังข้อเท็จจริงแบบนี้แล้ว ก็ไม่รู้ว่ายังจะกล้าลงไปว่ายกันอีกไหมเนี่ย