นางหลี่ หงฟาง วัย 40 ปี จากมณฑลชานซีของจีน เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้เธอมีหน้าตาเหมือนผู้หญิงปกติทั่วไป แต่แล้วเมื่อปี 2001 ขณะที่เธออายุได้ 29 ปี เธอก็พบว่ามีก้อนขนาดเท่ากับหัวนิ้วก้อยปูดขึ้นที่บริเวณขมับขวา แต่ไม่มีอาการคันหรือเจ็บใด ๆ เลย

เธอจึงไม่ค่อยสนใจมันนัก แต่แล้วมันกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่อย่างที่เธอไม่เคยคาดคิด เมื่อหลายเดือนต่อมา อาการบวมที่เกิดขึ้นบนใบหน้าก็ไม่มีวี่แววว่าจะหายไป ซ้ำแล้วมันยิ่งเพิ่มขนาดขึ้นอย่างน่าตกใจอีกด้วย

และไม่เพียงเท่านั้น หลังจากอาการบวมที่ขมับเกิดขึ้น เธอก็มีก้อนเนื้อลักษณะเดียวกันนี้ปูดขึ้นตาม ๆ กันมาอีก กินพื้นที่ทั่วใบหน้าและลำคอ จึงตัดสินใจไปพบแพทย์ในโรงพยาบาลท้องถิ่น พร้อมกับเงินทั้งหมดที่มี และข้าวสาลีอีก 2 กระสอบ แต่เมื่อไปถึงโรงพยาบาล แพทย์กลับไม่อาจหาสาเหตุของอาการป่วยได้ จึงแนะนำให้เธอไปพบแพทย์ในโรงพยาบาลใหญ่

ด้วยฐานะที่ยากจนข้นแค้น ทำให้หงฟาง ตัดสินใจที่จะกลับบ้าน ไม่ยอมไปโรงพยาบาลใหญ่ที่ทันสมัยตามคำแนะนำของแพทย์ เพราะเกรงว่าค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลใหญ่ ๆ จะสูงขึ้นไปอีก จึงยอมมองดูเนื้องอกบนใบหน้าเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ

ที่สุด อาการบวมบนใบหน้านั้นก็เริ่มสร้างความเจ็บปวดให้กับเธอ ขณะเดียวกันที่ตอนนั้น สามีของเธอก็มาเสียชีวิตจากอาการเลือดคั่งในสมอง เธอจึงตัดสินใจขายทรัพย์สินที่พอจะมีทั้งหมด แล้วรวบรวมเงินเดินทางไปพบแพทย์ที่เมืองซีอาน

การตรวจสอบของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพบว่า อาการบวมบนใบหน้าและลำคอของหงฟางนั้น มาจากเนื้องอกที่เติบโตขึ้นถึง 7 จุด และซ้ำร้ายไปกว่านั้น แพทย์ยังพบว่าเนื้องอกดังกล่าวคือมะเร็งชนิด Chordoma ซึ่งเป็นมะเร็งกระดูกที่เกิดขึ้นเฉพาะที่ หากจะผ่าตัดออกต้องใช้ค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 2.7 ล้านบาทเลยทีเดียว

ความที่ไม่รู้ว่าค่าใช้จ่ายจะบานปลายไปมากมายแค่ไหน จึงทำให้เธอหยุดความคิดเรื่องการผ่าตัดลงทันที แล้วเริ่มเข้าพบแพทย์จากเมืองใหญ่ ๆ เพื่อขอซื้อยามาบรรเทาอาการไปวัน ๆ เท่านั้น

ค่าใช้จ่ายของเธอร่อยหรอลงเรื่อย ๆ จนบางครั้ง เธอต้องออกไปขอทานตามถนน เพื่อเอามาเป็นค่ายาบรรเทาอาการป่วยของเธอ ซึ่งการขอทานในที่สาธารณะแบบนี้ ก็ทำให้เธอต้องเผชิญกับสายตาหวาดกลัวและท่าทีรังเกียจจากผู้คนที่เดินผ่านไป ผ่านมา และเธอก็ได้แต่พูดกับพวกเขาเหล่านั้นว่า “ฉันป่วยค่ะ ขอร้องเถอะนะ ฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาด”

กระทั่งปี 2009 เธอก็ได้พบกับชายผู้กลายเป็นสามีคนที่สองของเธอ และเขาก็ช่วยค่ายาเธอได้บ้าง ทำให้เธอไม่ต้องเป็นขอทานอีกต่อไป แต่แล้วเนื้องอกของเธอก็ไม่มีวี่แววจะบรรเทาลงเลย กลับโตขึ้นและกำลังจะลามลงไปถึงบริเวณหน้าอกของเธอแล้วตอนนี้

ขณะนี้เรื่องราวของเธอได้ถูกนำมาเผยแพร่ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์เวยป๋อ แล้ว ซึ่งส่งผลให้มีผู้คนหลายพันคนได้ร่วมให้กำลังใจหงฟาง และพยายามขอให้ทางรัฐบาลได้ช่วยเหลือเธอด้วย