วันที่ 18 เมษายน - 6 พฤษภาคม รวมเวลา 19 วัน ที่ผู้สื่อข่าวตามติดชีวิตของผู้ป่วยที่เป็นทาสของยาเสพติด จนยากเกินจะเยียวยารักษาให้หายได้ โดยเขาอาศัยอยู่ในบ้านเก่าๆในมณฑลกวางตุ้ง 19 วันที่เขาถูกบันทึกภาพไว้ เป็นหลักฐานที่สำคัญของภัยยาเสพติด
นายอู่ กุ้ยหลิน เป็นทาสยาเสพติดคนนั้น เขายินดีที่ให้ถูกบันทึกภาพชีวิตประจำวันของเขา รวมถึงการเสพยาที่เขาทำมาตลอด ทั้งที่เขาก็รู้ว่าเขาต้องจบชีวิตลงเพราะฤทธิ์ของยานรก เพราะเขาติดมันจนแพทย์เกินกำลังจะเยียวยาเขาให้หายเป็นปรกติ ดังนั้นสิ่งเดียวที่โรงพยาบาลต้องทำคือ ให้เขากลับบ้านเพื่อใช้ชีวิตเช่นเดิม คือ เสพยาเพื่อรอวันตาย!!!
ฤทธิ์ของยาสร้างความทุกข์ทรมานแก่นายอู๋ยิ่งนัก จนเขาคลุ้งคลั่งเผาข้าวของในบ้าน
สภาพอากาศในเดือนเมษายน ทำให้อู๋ถอดเสื้อทำให้เห็นรอยสักนกอินทรีย์ที่อยู่บนหลังของเขา
เที่ยงของวันที่ 22 เมษายน อู๋มีสภาพเปลือยเปล่าไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะเดินไปไหนได้ เขาทิ้งร่างนอนอยู่หน้าบ้าน
สายข้อมือของผู้ป่วยที่อู๋เคยเข้าไปทำการรักษา
เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาพูดคุยกับเขา
ตำรวจและแพทย์ส่งตัวเขากลับเข้าบ้านตามเดิม
วันที่ 24 เมษายน โรงพยาบาลแจ้งว่า อู๋ไม่สามารถรักษาได้จึงส่งตัวกลับบ้านเพื่อรอความตาย โดยยังคงมีสายรัดข้อมือของโรงพยาบาลติดอยู่กับเขา
อู๋ ไม่สามารถเดินได้ปรกติ เพราะแผลที่ขาเขามีการติดเชื้อ
ก้อนฝ้ายตกกลาดเกลื่อนไปทั่วพื้นบ้านของอู๋ที่เปื้อนเลือดของเขา
เศษอาหารที่อู๋ทานไม่หมด ที่ได้จากเพื่อนบ้านนำมาให้
เข็มฉีดยาเปื้อนเลือดที่อู๋ใช้ประจำ
บ่ายของวันที่ 24 เมษายน อู๋ใช้ยาจากเพื่อนนำมาให้
หลังจากการใช้ยาทำให้เขาแลดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
สภาพงุนงงของอู๋ขณะสูบบุหรี่ในบ้าน
อู๋ กุ้ยหลิน เผลอหลับอยู่ภายในบ้าน
วันที่ 26 เมษายน อู๋ใช้เวลาจดบันทึกช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิต เพื่อเตือนสติคนทั่วไปไม่ให้เลือกทางที่ผิดเหมือนที่ตัวเขาเป็น
วันที่ 10 พฤษภาคม หลังจากอู๋เสียชีวิต นำไดอารี่ของ อู๋ กุ้ยหลิน ที่จดบันทึกเมื่อยังมีชีวิตอยู่
ร่างไร้วิญญาณของอู๋ถูกเก็บไว้ในห้องเก็บศพ
สมบัติชิ้นสุดท้ายภายในบ้านมีเพียง เข็มและกางเกงตัวเก่าของเขาเท่านั้นเอง...
นี่คือสิ่งที่อู๋ กุ้ยหลินต้องการเตือนคนที่หวังจะใช้ยาเสพติดไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ให้เอาเขาเป็นตัวอย่างในสิ่งที่ผิด เพราะผลสุดท้ายมันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น นอกจากความตาย