นักโบราณคดีในบัลแกเรียค้นพบโครงกระดูกมนุษย์ 2 โครง ที่ย้อนเวลาไปถึงช่วงยุคกลาง โดยพบว่าบริเวณหน้าอก ถูกตอกด้วยแท่งโลหะ ซึ่งตามความเชื่อทั่วไป ก็เพื่อป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นผีดูดเลือดหรือแวมไพร์
นายโบชิดาร์ ดิมิทรอฟ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติของบัลแกเรีย กล่าวหลังจากพบโครงกระดูกนี้ที่เมืองโซโซโพล ซึ่งติดทะเลดำว่า ลักษณะโครงกระดูกทั้ง 2 ที่ถูกตอกด้วยหมุดโลหะ เป็นสิ่งพบได้ทั่วไปในหมู่บ้านบางแห่งของบัลแกเรียจนถึงช่วง 10 ปีแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 20
โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (3 มิ.ย.) สื่อท้องถิ่นบัลแกเรียต่างประโคมข่าวการค้นพบโครงกระดูกแวมไพร์ดังกล่าว แต่นายดิมิทรอฟ ออกมาแสดงความเห็นว่า เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดการค้นพบที่ธรรมดาเช่นนี้จึงกลายเป็นเรื่องโด่งดังได้ แต่อาจเป็นเพราะความลึกลับของคำว่า"ผีดูดเลือด"ก็เป็นได้ นายดิมิทรอฟระบุว่า คนที่ถูกระบุว่าเป็นแวมไพร์ส่วนใหญ่มักเป็นชนชั้นสูงหรือไม่ก็นักบวช
ทั้งนี้ตามความเชื่อพวกนอกศาสนา ผู้ที่ถูกสังคมพิจารณาว่าเป็นคนเลวในครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ อาจกลายร่างเป็นผีดูดเลือดหลังจากตายไปแล้ว ถ้าไม่ถูกตอกหน้าอกด้วยหมุดโลหะหรือไม้ก่อนนำไปฝัง ชาวบ้านเชื่อว่าหมุดดังกล่าว จะช่วยตรึงผู้ตายให้อยู่ในหลุมศพไม่ให้ลุกออกมาทำร้ายผู้คนในเวลากลางคืน
ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์กล่าวว่า มีธรรมเนียมปฏิบัติเช่นนี้เป็นปกติซึ่งที่บัลแกเรียพบศพที่ถูกหมุดปักที่หน้าอกประมาณ 100 ศพ แต่ที่น่าสังเกตก็คือ โครงกระดูกทั้งหมดที่ขุดพบ ไม่มีของสตรีเลยแม้แต่โครงเดียว จึงเป็นไปได้ว่าไม่มีข้อสงสัยในเรื่องเกี่ยวกับแม่มด