นานๆมีโอกาสว่างเยอะหน่อย เลยขอเขียนแบบยาวๆซักเรื่องละกัน
น่าเป็นห่วงนะครับพี่น้อง…….
กับศิลปะไทยหลายๆอย่างกำลังเปลี่ยนมือไป….โดยกฎหมายการจดสิทธิ์บัตร!
อย่างที่เราๆท่านรู้กันว่าหลายอย่างโดนต่างชาติเหมาเอาว่าเป็นของตัวเอง
ทั้งข้าวหอมมะลิ, รถตุ๊กตุ๊ก, และที่มีข่าวออกมาว่าเกาหลีเอาศิลปมวยไทยไปจดสิทธิบัตร
แล้วตั้งชื่อใหม่ว่า Kyuktooki จะอ่านว่างัยก็ช่าง…ไม่สน
สนแต่ว่าจะมีอะไรมั๊ยที่จะเอาของเราไปอีก………..(เลือดขึ้นหน้าปรู๊ด)
อ่อ………ล่าสุดเท่าที่ได้ยินมา น่าจะเป็น “ท่าจีบรำไทย”
โดยประเทศใกล้ตัวบ้านเรานี่แหละ……
ประเทศที่เมืองไทยในสมัยรัชกาลที่4 ท่านเคยส่งบุคคลากรทางวัฒนธรรม
ต่างๆ ไปช่วยส่งเสริมการศึกษา รวมทั้งการแสดงรำฟ้อนแบบราชสำนักสยามอีกด้วย
อืม……..ช่างเถอะ ใครทำอะไรไว้ ฟ้าดินย่อมเป็นพยาน
ไม่อยากพูดมากเดี๋ยวจะเป็นกรณีพิพาทระหว่างประเทศไป……..บลา บลา บลา
(สีสันสดใส ถ้าจับคู่สีดีๆ ก็ดูสวยและมีคุณค่าไปอีกแบบ)
(จขกท คิดว่าเวลาเห็นผู้หญิงแต่งชุดไทยแล้ว แลดูเป็นผู้หญิงที่สง่างาม และมีคุณค่ามากขึ้นมาทันที )
(คุณกล้าแบบนี้ไหม)
เวลาเห็นเด็กชายหญิงหรือวัยรุ่นญี่ปุ่นในปัจจุบัน
แต่งชุดประจำชาติกันในเทศกาลต่างๆแล้วอดคิดไม่ได้ว่า
ทำไมของบ้านเราดีๆมีอยู่อย่างการนุ่งโจงกระเบน กางเกงยูนิเซ็กแบบไทยๆที่นุ่งได้ทั้งชายหญิง
แถมปัจจุบันถือเป็นศาสตร์ชั้นสูงระดับคูตูร์ก็ว่าได้เพราะเป็นเทคนิคเฉพาะ
ทางภาษาช่างเสื้อเรียกว่า มูลาจ (Moulage)
(การออกแบบเสื้อผ้าโดยใช้ผ้าทั้งผืนมาพัน ห่มหรือจับจีบโดยไม่มีการทำแพทเทิร์นก่อน)
ของง่ายๆแต่กลับแทบไม่มีคนสนใจจะนุ่งหรือเรียนรู้กัน
ตัวอย่างภาพวิดีโอข้างบนถูกบันทึกไว้โดยใครสมัยใดไม่ได้แจ้งแน่ชัด….
รู้แต่ว่าน่ารักมาก และไม่ยากอย่างที่คิด…..
จริงๆแล้วการนุ่งโจงกระเบน มีอยู่หลายแบบตั้งแต่นุ่งแบบชาวบ้านธรรมดาจนไปถึงแบบราชสำนัก
ตอนนี้เอาแบบบ้านๆเราๆก่อนละกัน………เริ่มจาก
1. หาผ้าผืน(ที่ไม่เย็บริมติดกันแบบผ้าถุง) ความยาว 2ถึง 3 เมตร
(ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใส่ว่าเป็นเด็กหรือผูใหญ่ สูง ต่ำ อ้วน ผอมต่างกันไป)
2. เอาผ้าโอบทางด้านหลัง จับชายผ้าให้ปลายเสมอกัน แล้วจึงขมวดชายมัดให้แน่น
(เหมือนนุ่งผ้าขาวม้า ) ถ้ากลัวจะหลุด
ก็คาดเชือกเส้นกำลังพอดีไว้ก่อนแล้วคาดเข็มขัดสวยๆทับไว้อีกทีเพื่อความสวยงามก็ได้
3.รวบชายผ้าทั้งสองเข้ามาทบกัน แล้วม้วนให้กลมเรียวแบบหลวมๆ ซึ่งเราเรียกส่วนนี้ว่าหางกระเบน
4. จากนั้นสอดหางกระเบน ลอดหว่างขา เอาปลายหางกระเบน ไปเหน็บไว้กับ ขอบเอวผ้านุ่งด้านหลัง
(เราเรียกส่วนนั้นของร่างกายว่า กระเบนเหน็บ)
แยกขาออกพอประมาณแล้วย่อตัวลงเล็กน้อบ วิธีนี้จะช่วยให้โจงกระเบนไม่ตึงจนเกินไป
สามารถขยับ ลุกนั่งได้ง่่ายและสบายขึ้น…อันนี้เป็นเคล็ดไม่ลับเลยนะนี่ ฮ่าๆ
5. ด้านหลัง เราจะเห็นว่า ส่วนล่างของหางกระเบนนั้นแผ่ออกเล็กน้อยแล้วเรียวแหลมขึ้นไป
ลักษณะคล้าย หางกระเบน
***เพราะเหตุนี้เราจึงได้เรียกการนุ่งผ้าแบบนี้ว่า “โจงกระเบน “
(โจง ก็คือ การโยงเอาหางกระเบนขึ้นไป เหน็บไว้ที่เอวนั่นเอง)
เห็นมั๊ยครับภูมิปัญญาชาวบ้านแถมเป็นรากเหง้าของเราเอง ง่ายนิดเดียวที่เรียนรู้และรักษาเอาไว้
ส่วนวิดีโอข้างบนนี้เป็นของเด็กวัยรุ่นฝรั่งเค้าทำเอามาลงในยูตู๊ปเล่นๆ
โชว์วิธีการนุ่งโจงแบบไทย ถึงจะไม่เรียบร้อย ถูกต้องทั้งหมด
แต่ก็น่าภูมิใจใช่มั๊ยหล่ะที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจ และพร้อมที่จะเรียนรู้…
ฝากด้วยนะครับสำหรับคนทั่วไปที่ไม่เคยนุ่งโจงกัน
โดยเฉพาะนักเรียนแฟชั่นทั้งหลาย (ควรจะเรียนรู้ (เน้นและย้ำมาโดยตลอด)เพราะเราสามารถนำมา
ต่อยอดในการออกแบบได้มากทีเดียวแถมยังมีเอกลักษณ์แตกต่างจากชาติอื่นๆ)
การนุ่งผ้า ห่มผ้าของไทยยังมีอีกหลายแบบมากมาย
ตั้งแต่ธรรมดาไปจนถึงวิลิศมาหรา จับจีบนู่นนี่…..
ช่วยรักษาของดีของไทยกันไว้เถอะครับพร้อมกับเรียนรู้ของต่างชาติ
เพื่อไม่ให้เค้าว่าเราล้าหลังหรือดูไม่อินเทอร์(ทำสำเนียงดัดจริต เล็กน้อย ฮ่าๆ)…….
ลองดูครับแล้วคุณจะภูมิใจในมรดกของชาติที่บรรพบุรุษท่านสร้างไว้ให้…..
ปล. ภาพแรกข้าพเจ้านุ่งเองกับหุ่น โดยใช้ผ้าทอยกดิ้นทอง ขอโทษทีพอดีผ้าไหมไทยที่มีอยู่ความยาวไม่พอ พอดูได้นะครับ
กราบขอบพระคุณวิชาความรู้ที่ครู อาจารย์เคยสอนสั่งตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นเด็กประถม
ขอบคุณภาพการ์ตูนประกอบการนุ่งโจงกระเบนจาก www.design.in.th
ขอบคุณเสียสละเวลาอ่าน
หากแต่ จขจท แค่เห็นคุณค่าของมัน และอยากเห็นคนไทยด้วยกันรักและห่วงแหนมัน มันหยิบขึ้นมาใช้
แต่เป็นที่น่าเสียดาย เพราะยุคสมัยทำให้คนไทยรู้สึกอายกับรากเหงาที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม
มองเห็นสิ่งเหล่านั้น เป็นสิ่งที่โบราณ ล้าสมัย แต่คนไทยหารู้ไหมว่า ชาติบางชาติเขายังไม่มีสิ่งดีๆที่เป็นของเขาเองเลย
คนไทยน่าภูมิใจมากแค่ใหน ที่มีเอกลักษณ์การแต่งกายที่เป็นของตัวเอง
ทั้งงดงาม สง่างามในสายตาคนต่างชาติ แต่คนไทยกับไม่เห็นคุณค่าของมันเสียเอง
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
ของฝากแฟนเพจชื่อ : Thailand Fever อยากเห็นคนไทย แต่งกายไทยออกบ้าน (ถ้าเราไม่ช่วยกันรักษาวัฒนธรรมไทยไว้ จะรอให้ใครมารักษามัน)
เครดิตบทความข้างต้นจาก : AlterEgo จากเว็บ : http://www.alteregobkk.com
ขอขอบคุณเจ้าของเครดิตภาพต่างๆ ทุกภาพ