เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  avert.org

 

          แหล่งข่าวจากสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานสกู๊ปข่าวพิเศษเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2555 ถึงสถานการณ์น่าเป็นห่วงที่เกิดขึ้นกับหมู่เด็กสาวชาวโซซา (Xhosa) ในพื้นที่ชนบทซึ่งยังไม่มีทั้งน้ำและไฟเข้าถึง ของจังหวัดอีสต์เทิร์น เคป ประเทศแอฟริกาใต้ ที่จำนวนหนึ่งต้องเคราะห์ร้าย ถูกบังคับให้แต่งงานกับชายอายุมากกว่า แต่ไม่เพียงจะได้ชายอายุคราวพ่อมาเป็นสามีโดยไม่เต็มใจ เด็กสาวเหล่านั้นยังได้โรคเอดส์กลับมาด้วย เนื่องด้วยความเชื่อแปลก ๆ ของเหล่าผู้คนในพื้นที่นั้นว่า การได้มีเพศสัมพันธ์กับเด็กสาวบริสุทธิ์ จะสามารถรักษาอาการของโรคเอดส์ได้ 

 

          รายงานระบุว่า เด็ก สาวที่เคราะห์ร้ายเหล่านั้นบ้างก็ถูกหลอกล่อปนใช้กำลังให้แต่งงาน แต่หลาย ๆ ราย ก็เกิดจากการตกลงใจของพ่อแม่กับผู้ติดต่อซื้อขาย ที่ขายลูกตัวเองไปเป็นภรรยาของชายคนใดก็ตาม ที่สามารถจ่ายเงินเพื่อแลกกับตัวเด็กสาวได้ หรือบ่อยครั้งก็จ่ายเป็น สัตว์เลี้ยงอย่างแพะ วัว หรือแม้กระทั่งไก่ แทนด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นเด็กสาวที่อายุน้อยที่สุดที่ถูกขายไปยังมีอายุเพียงแค่ 12 ปี เท่านั้นเอง 

 

          ทิโมธี ชายท้องถิ่นคนหนึ่งกล่าวกับนักข่าวท้องถิ่นของซีเอ็นเอ็นว่า ด้วยความเชื่อที่ฝังรากมาในท้องถิ่น จึงทำให้เขาไม่รู้สึกว่าสิ่งที่พวกผู้ชายเหล่านั้นทำลงไปเป็นความผิดแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ดี ทิโมธี ก็บอกด้วยว่า ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ที่ได้ทำเรื่องที่เข้าข่ายผิดกฎหมายเช่นนี้ 

 

          ด้านเหยื่อสาวผู้เคราะห์ร้ายรายหนึ่ง จากหมู่บ้านลูซิกีซิกี เล่าเรื่องราวของเธอว่า อยู่ ๆ วันหนึ่งหญิงข้างบ้านก็มาเคาะประตูคุยกับเธอว่า สนใจที่จะแต่งงานไหม และเธอก็ได้ตอบปฏิเสธไป แต่เธอก็ถูกบอกกลับมาว่า ถ้าปฏิเสธแบบนี้ก็ไม่แคล้วต้องลงเอยด้วยการถูกฉุด และเฆี่ยนตี... 

          ในคืนถัดมานั้นเอง หญิงข้างบ้านก็มาที่บ้านของเธออีก และบังคับให้เธอตามไปที่แม่น้ำ ซึ่งมีชายอีก 7 คน รออยู่ที่นั่น ทั้งหมดพาตัวเธอไปที่บ้านหลังหนึ่ง และทิ้งเธอไว้ในห้องกับผู้ชายมีอายุ ชายคนนั้นบอกกับเธอว่า "ฉันแลกเธอมาด้วยวัวทั้งตัว ฉันไม่สนว่าเธอจะเต็มใจไหม แต่ตอนนี้เธอเป็นเมียฉันแล้ว" จากนั้นชายรุ่นราวคราวพ่อก็บังคับมีเพศสัมพันธ์กับเธอ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอนี้ไม่ต่างจากการฉุด และนับเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิต ที่เธอไม่อาจข่มใจลืมได้ลง

 

          แต่กระนั้นในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงในสวัสดิภาพของเด็กสาวทั้งหลาย ก็ยังมี นอ มบาซ่า ซูลูเว่ หญิงที่เติบโตมาในท้องถิ่นที่มีค่านิยมจับเด็กสาวไปเป็นภรรยาเพื่อรักษาโรค เอดส์ ที่ลุกขึ้นต่อสู้ และต่อต้านความเชื่อผิด ๆ นี้ ซูลูเว่เข้าร่วม ทำงานกับองค์กรที่ทำงานเพื่อต่อต้านโรคเอดส์ (World Aids Campaign) เธอเดินหน้าให้ความรู้ที่ถูกต้อง และช่วยเหลือเด็กสาวที่ตกเป็นเหยื่อ 

 

          "ผู้ชายเหล่านั้นเป็น ม่ายก็เพราะภรรยาเดิมทิ้งไปเพราะเขาเป็นเอดส์ แต่เขาก็ยังเชื่อว่าจะรักษาได้โดยการมีเพศสัมพันธ์กับเด็กสาวบริสุทธิ์ สุดท้ายมันก็ไปลงเอยที่ว่าได้แพร่เชื้อไปให้เด็กสาวเหล่านั้นอีกที" ซูลูเว่ กล่าว

 

          นอกจากการทำงานอย่างแข็งขันของซูลูเว่แล้ว ก็ยังมีศูนย์ที่ให้ความช่วยเหลือเด็กสาวที่ถูกบังคับแต่งงาน และถูกขืนใจโดยสามีแก่คราวพ่อที่เป็นโรคเอดส์ ให้เข้ามาอยู่ในศูนย์ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเซฟเฮ้าส์ซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่บ้าน ควาเซเล่ เด็กสาวเหล่านั้นจะได้รับการบำบัด ให้คำปรึกษา และในที่สุดก็จะให้พวกเธอกลับเข้าสู่สังคมใช้ชีวิตตามปกติต่อไป แต่หลาย ๆ ครั้งเรื่องราวก็ไม่ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น เมื่อบางคนก็ขาดการเรียนไปแล้วหลายปี ซ้ำร้ายยังติดเชื้อเอชไอวีด้วย นอก จากนี้เด็กสาวบางคนก็ไม่ได้รับการต้อนรับจากครอบครัวอีกต่อไป เพราะถือว่าเธอสร้างความอับอาย ที่ไม่ยอมเป็นภรรยาแก่ชายคนนั้นตามที่พ่อแม่ตกลงกับเขาไว้ และไม่เคารพความเชื่อโบราณที่ให้ใช้สาวบริสุทธิ์รักษาโรคเอดส์ดังกล่าว 

 

          อย่างไรก็ดี บัดนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้กฏหมายของแอฟริกา ก็เริ่มตื่นตัว และกระตุ้นให้ชาวบ้านโดยเฉพาะในหมู่บ้านควาเซเล่ รู้ว่าการบังคับแต่งงานกับเด็กสาวเช่นนี้เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย โดยในปี ที่ผ่านมามีชายทั้งหมด 11 คน ถูกจับกุมในข้อหาลักพาตัวและบังคับมีเพศสัมพันธ์กับเด็กอายุต่ำกว่าเกณฑ์ และนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้วเป็นต้นมา ก็ยังไม่มีกรณีบังคับเด็กสาวไปแต่งงานเช่นนี้เกิดขึ้นอีก ..และเราก็ขอภาวนาอีกแรงหนึ่งว่า อย่าให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับเด็กสาวชนบทเหล่านี้อีกเลย

Credit: กระปุกดอดคอม