"ฟรีด้อม"(Freedom) หรือ "อิสระเสรี"
เป็นประโยคหนึ่งที่นักร้องสาวซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่างเลดี้ กาก้า พูดขึ้นมาบ่อยๆในยามขึ้นแสดงบนเวที
แน่นอนว่า, โชว์ของเลดี้ กาก้าแต่ละชุด เต็มไปด้วยอิสระในการนำเสนอจนเข้าขั้น "หลุดโลก" แต่นั่นกลายเป็นเสน่ห์ของเธอ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับแฟนเพลงทั่วโลกโดยเฉพาะกลุ่มคนเพศที่สามให้กล้าที่จะลุกขึ้นมาสื่อสารและนำเสนอ "ตัวตน" ของพวกเขาด้วยวิธีที่น่าสนใจ
เลดี้ กาก้า เติบโตมาจากดินแดนเสรีภาพอย่างอเมริกา ทำให้การนำเสนอของเธอ แม้จะ "จัดเต็ม" ได้อย่างเต็มที่ แต่ก็มิวายจะถูกสายอนุรักษ์นิยมโดยเฉพาะทางศาสนาเขม่นอยู่เสมอ อย่างในกรณีเพลงแรงๆอย่าง "Judas" ที่เธอพูดถึงจูดาส คนทรยศพระเยซูคริสต์ด้วยความเสน่หาก็ถูกประท้วงจากคริสตศาสนิกชนเช่นกัน แต่นั่นที่อเมริกา ที่พยายามจะยึดถือเสรีภาพของต่างชาติพันธุ์ ต่างความเชื่อ ที่เข้ามาอยู่เบ้าหลอมของเมืองลุงแซมด้วยกัน...
ที่น่าสนใจก็คือ พอเธอประกาศเวิรลด์ทัวร์ในชื่อคอนเสิร์ต "เดอะ บอร์น ดิส เวย์ บอลล์"(The Born This Way Ball) ที่จะจัดทัวร์ 110 รอบในเอเชีย ออสเตรเลียและต่อด้วยในยุโรป โดยเป้าหมายแรกๆที่ทีมจัดนำคอนเสิร์ตมาลงก็คือทางฝั่งเอเชีย
แฟนเพลงหัวดำพันธุ์แท้จากฝั่งเอเชียต่างรอคอยการมาของเธอ เพราะแฟนเพลงรอกันมานานหลายปีแล้ว สำหรับคอนเสิร์ตระดับเวิรลด์คลาสกับศิลปินระดับคุณภาพคนนี้...
การประท้วงเลดี้ กาก้าที่เกาหลีใต้
แต่ปัญหากลับกลายเป็นว่า หลายประเทศในเอเชีย ต่างประท้วงคอนเสิร์ตของเธอ ตั้งแต่รอบแรกที่เกาหลีใต้วันที่ 27 เมษายน 2555 ก่อนที่เธอจะมาแสดงคอนเสิร์ต ทางเกาหลีใต้จัดเรตคอนเสิร์ตของเธอเป็น 18+ นั่นคือ ห้ามเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าชมคอนเสิร์ตของเธอเรียบร้อยแล้ว ด้วยเพราะว่า กลุ่มสมาคมผู้ปกครอง กับสมาคมคริสเตียนประท้วงกับรัฐบาลว่า ถ้าให้ลูกหลานดูคอนเสิร์ต จะทำให้ลูกหลานทำตามจนนำไปสู่พฤติกรรมผิดเพศ และการแสดงขอ′เธอก็ดูอนาจารและใช้ถ้อยคำรุนแรง
เหตุผลที่คนเกาหลีส่วนใหญ่มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคนเพศที่สาม นั่นเพราะว่าวัฒนธรรมขงจื๊อก็ยังมีอิทธิพลต่อสังคมเกาหลีอยู่ แม้ว่าปัจจุบันจะมีคนนับถือศาสนาคริสต์มากขึ้น แต่มักจะอยู่ในแนวทางของขงจื๊อนับถือศาสนาคริสต์ ทำให้สังคมเกาหลีไม่ค่อยยอมรับเพศที่สามเท่าไหร่นัก
พอเธอจัดแสดงคอนเสิร์ตที่เกาหลี ก็ยังมิวายที่ถูกประท้วงให้ยกเลิกการแสดงโดยกลุ่มชาวคริสเตียนอีก โดยอ้างว่า โชว์ของเธอทำให้วัฒนธรรมของเกาหลีเสื่อเสีย เพราะดูล่อแหลมและยั่วยุทางเพศ
การประท้วงที่ฟิลิปปินส์
รอบต่อมาที่คอนเสิร์ตของเลดี้ กาก้าโดนประท้วงอย่างรุนแรง คือ ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเป็นหลักเนื่องจากได้รับอิทธิพลมาจากสเปนในยุคล่าอาณานิคม
แม้ว่าคอนเสิร์ตของซุปเปอร์สตาร์สาวจะจัดขึ้นที่กรุงมะนิลาในวันที่21-22 พฤษภาคม แต่ชาวคริสต์จำนวนหนึ่งต่างออกมาประท้วงการมาของเธอ ด้วยเหตุที่ว่าเพลงของเลดี้ กาก้ามีเนื้อหาที่ต่อต้านศาสนา
หลังจากนั้น เลดี้ กาก้าเดินทางมาแสดงคอนเสิร์ต ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ที่ประเทศไทยในวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแฟนเพลงชาวไทย ซึ่งแทบจะไม่เห็นการประท้วงผ่านสื่อกระแสหลักแม้แต่นิดเดียวจนเจ้าตัวถึงหลั่งน้ำตาขอบคุณในขณะที่เล่นคอนเสิร์ตโดยบอกกับคนไทยว่า หลายๆประเทศประท้วงคอนเสิร์ตของเธอ แต่ที่นี่กลับต้อนรับเธออย่างอบอุ่น ก่อนที่คอนเสิร์ตจะจบลงโดยที่นักร้องสาวแฮปปี้กับคอนเสิร์ตนี้มาก จนให้สัญญาว่า ถ้าเป็นไปได้ จะกลับมาแสดงคอนเสิร์ตที่นี่อีกรอบ
แต่อย่างว่า ปรากฏการณ์ "Thailand Only" กับการ "ดราม่า" บนโลกออนไลน์เกิดขึ้นได้เสมอ ประเด็นที่เลดี้ กาก้า ถูกตั้งข้อสังเกตกลับกลายเป็นเรื่องที่เธอทวีตในทวิตเตอร์แล้วพูดถึงนาฬิกา "โรเล็กซ์ปลอม" จนกลายเป็นประเด็นใหญ่ระดับนักเรียนหัวเกรียนหัดเล่นคีย์บอร์ดไปจนถึงข้าราชการระดับปลัดกระทรวงและอธิบดีที่พยายามรักษาภาพลักษณ์ของเมืองไทยด้วยการตอบโต้อย่างเผ็ดมัน
การแสดงของเลดี้ กาก้าที่เมืองไทย(ภาพจากเพจ “Shade of GAGA”)
อีกทั้งยังมีเรื่องการสวม "ชฎา" ของเลดี้ กาก้าระหว่างแสดงคอนเสิร์ต ที่คนหลายกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานาถึงความไม่เหมาะสมโดยที่ไม่ได้เข้าไปสัมผัสกับเหตุการณ์จริงในการแสดงที่นักร้องสาวกล่าวชื่นชมประเทศไทยพร้อมทั้งกราบคนไทยทั้งที่ยังใส่ชฎาอยู่
แต่ประเด็นดราม่าในเมืองไทยกลายเป็นเด็กอมมือไปเลย เมื่อเจอกรณีที่ประเทศที่มีประชากรมุสลิมที่มากที่สุดในโลกอย่าง อินโดนีเซีย ที่เพิ่งจะยกเลิกคอนเสิร์ตของเลดี้ กาก้าที่จะจัดขึ้นในวันที่ 3 มิถุนายนนี้ทั้งที่ขายบัตรไปแล้วถึง 5 หมื่นใบเหตุผลเพราะกลุ่มมุสลิมฝั่งสุดขั้วขู่ว่าจะก่อความวุ่นวายในคอนเสิร์ตครั้งนี้
การประท้วงที่อินโดนีเซีย
อันที่จริง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับปรากฏการณ์แอนตี้ศิลปินระดับโลก เพราะในสมัยก่อน ศิลปินอย่างไมเคิล แจ็กสัน หรือมาดอนน่า ก็ต่างเคยเจอเหตุการณ์นี้เช่นกัน ซึ่งเป็นบทเรียนอันดีสำหรับฝ่ายจัดคอนเสิร์ตที่จะทำความเข้าใจในวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆไปจนถึงสร้างความเข้าใจในโชว์ของตนเองในฐานะที่เป็นสื่อ "ศิลปะ" ที่ควรจะมี "เสรีภาพ" ทางการแสดงออก หาใช่สิ่งสามานย์ที่ถูกจินตนาการไว้ก่อนโดยที่ยังไม่ได้เข้าสัมผัสกับเนื้อหาของคอนเสิร์ต
ประเด็นเรื่อง เพศที่สาม, การแสดงที่ล่อแหลม และความเชื่อทางศาสนา จะเป็นอย่างไรหลังจากที่เลดี้ กาก้า ไปแสดงคอนเสิร์ตที่ทวีปออสเตรเลียและยุโรป จะเป็นอย่างไรนั้น ต้องติดตามกันต่อไป