จงเอาชนะความชังด้วยความรักเหมือนเธอคนนี้...

 

 

  เด็กหญิงนามว่า จั่วเสี่ยวชุ่ย ในวัย 7 ขวบ  (ในขณะที่เกิดเหตุ)  อยู่ในอำเภอซวงหลิว มนฑลเสฉวน ประเทศจีน  ครอบครัวเธอมีฐานะยากจน  พ่อแม่เลิกรากัน  เธอจำเป็นต้องอยู่กับพ่อ เพราะว่าแม่ของเธอไม่สามารถเลี้ยงดูเธอได้  ไม่นานพ่อก็มีภรรยาใหม่  จะ เป็นเพราะละครน้ำเน่าที่เอาชีวิตจริงที่เน่าเฟะสร้างเป็นละคร หรือเป็นเพราะคนเราได้รับอิทธิพลของละครน้ำเน่า หรือว่าด้วยพื้นฐานชายหญิงสองคนที่อยู่ด้วยกันโดยไม่มีความรักเป็นทุนเดิมก็ ไม่อาจทราบได้ แต่สิ่งที่เสี่ยวชุ่ยต้องประสบ ก็คือการที่เธอต้องเป็นตัวละครคนหนึ่งในละครน้ำเน่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้   ครอบครัวเริ่มร้อนเป็นไฟ  ทุกวันมีแต่เสียงทะเลาะของพ่อและแม่เลี้ยง  ภรรยาใหม่ของพ่อก็สวมบทบาทแม่เลี้ยงที่เลวร้ายได้เป็นอย่างดี  โดยเฉพาะเมื่อลับหลังพ่อ

          การด่าทอทุบตีเป็นกิจวัตรที่ชินชาไปแล้ว แต่เสี่ยวชุ่ยไม่เข้าใจเลยว่า เธอไม่เคยมีความเคืองแค้นกับใครแต่ทำไมต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำ

          วันหนึ่ง  อยู่ๆแม่เลี้ยงก็ปรนนิบัติเอาใจใส่เธอต่างจากทุกวัน หนำซ้ำยังซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้อีกด้วย ประหนึ่งว่าสำนึกในสิ่งที่ตนเองเคยกระทำกับเด็กน้อย  เปลี่ยนจากนางร้ายกลายเป็นนางเอก จนเสี่ยวชุ่ยคิดว่า วันนี้เป็นวันที่เธอมีความสุขที่สุดในชีวิต เหมือนคลื่นทะเลที่สงบเหลือเกิน หากแต่...

          สามทุ่มในวันที่ 5 กรกฏาคม ปี1994 ทะเลที่ว่าสงบ จู่ๆก็มีคลื่นสึนามิซัดเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่อพ่อและแม่เลี้ยงทะเลาะกันอย่างรุนแรง หลังมีปากเสียงกันแล้ว ฝ่ายก็พ่อหนีไปจิบน้ำชาที่สวนหลังบ้าน ส่วนแม่เลี้ยงก็เข้าไปในครัวคว้ามีดทำครัวออกมา  เมื่อเห็นเสี่ยวชุ่ยยังไม่เข้านอน ก็ไล่ให้ไปนอน  สักพักเด็กน้อยก็หลับไปโดยไม่รู้เรื่องราวการทะเลาะของพ่อแม่อีกต่อไป

          เสี่ยวชุ่ยตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนสี่ทุ่มด้วยความเจ็บปวด  ห้องนอนเต็มไปด้วยเลือด เด็กน้อยเห็นแม่เลี้ยงสับแขนขวาของเธอที่ขาดออกอย่างบ้าคลั่ง  จากนั้นก็นำมือที่แหลกละเอียดทิ้งลงในคูน้ำ  ทำให้ไม่สามารถที่จะนำมาต่อได้อีก  ด้วยเหตุที่เห็นความอำมหิตของแม่  ทำให้เธอกลัวว่าแม่จะฆ่าเธอทิ้ง  จึงถือโอกาสที่แม่เลี้ยงนำมือออกไปทิ้งนั้นหนีออกหลังบ้านไปบ้านยายซึ่งอยู่ ติดกัน

 


 

หลังจากเหตุการณ์ที่โหดร้าย แม่เลี้ยงถูกพิพากษาจำคุก ส่วนเสี่ยงชุ่ยกลับไปอยู่กับแม่บังเกิดเกล้า  ชีวิตทุกอย่างต้องเริ่มต้นใหม่ ความลำบากข้นแค้นมาเคียงข้างชีวิตอีกครั้ง  ไม่ว่าความเป็นอยู่ การกิน การนุ่งห่ม ยิ่งประกอบกับคนรอบข้างมองเธอแขนด้วนไปข้างหนึ่งเหมือนตัวตลก  ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าสังคมนี้ไม่น่าอยู่ โหดร้ายกับเธอมากเกินไป เธอละล้าละลังกับชีวิตว่าหยุดอยู่เพียงแค่นี้ หรือจะเดินหน้าต่อไป จะโทษชะตากรรมหรือฟันฝ่าด้วยความเข้มแข็ง จะจบตัวเองด้วยโศกนาฏกรรมหรือสร้างความเปลื่ยนแปลงที่รุ่งโรจน์  โชคดีที่เสี่ยวชุ่ยเลือกอย่างหลังทั้งหมด  เธอใช้เวลา 11 ปีเต็มๆในการเอาชนะกับความยากลำบากทุกข์เข็น จนกลายเป็นเด็กสาวที่มองโลกในแง่ดีและมีความเข้มแข็งคนหนึ่ง

 

 

เรื่อง ราวของเธอถูกเปิดเผยครั้งแรกในปี 2005 จากสื่อท้องถิ่นในมณฑลเสฉวน และกลายเป็นประเด็นร้อนที่คนให้ความสนใจ ไม่ว่าในเว็บบล็อกหรือเว็บไซด์ก็ล้วนเป็นประเด็นหลัก จนสถานี โทรทัศน์ CCTV 10 ต้องเชิญเธอสัมภาษณ์ออกอากาศ (ปกติแล้วหากไม่ใช่ประเด็นน่าสนใจหรือสำคัญระดับชาติ CCTV จะไม่ออกอากาศ)  สิ่งที่น่าสนใจและสะเทือนใจคนทั้งประเทศคือ เหตุการณ์ทีเลวร้ายที่สุดในครั้งนั้น กลับหล่อหลอมให้เธอกลายเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรม แทนที่จะมีความเคียดแค้นอาฆาตร้าย และที่สำคัญเธอสามารถเอาชนะอุปสรรคที่สรีระได้เหนือกว่าคนอื่นอีกจำนวนมาก ด้วยการสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยคะแนนสูงถึง 609 คะแนน

 

 

แม้ แม่เลี้ยงหยิบยื่นความพิการมาให้เธอ แต่ทุกวันนี้เธอกลับดูแลน้องชายที่เกิดจากแม่คนนี้ โดยการแบ่งเงินจากการได้รับบริจาคเมื่อครั้งรายการทีวีที่เฉิงตู เพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่น้องชายครึ่งหนึ่ง เพราะทุกวันนี้พ่อก็ไม่ ได้เหลียวแลน้องชายเลย เธอยังประกาศว่า เมื่อเธอจบมหาวิทยาลัยแล้ว แม่ยังไม่ออกจากคุก เธอก็จะรับภาระเลี้ยงดูน้องชายต่อไป เมื่อถูกถามว่า ไม่รู้สึกโกรธแค้นเหรอที่น้องชายคือลูกของแม่เลี้ยงที่ทำร้ายเธอ เธอให้เหตุผลว่า น้องเธอไม่มีความผิดแต่อย่างใด สิ่งที่น้องชายได้รับในทุกวันนี้ก็ไม่แตกต่างจากสิ่งที่เธอได้รับเมื่อสิบกว่าปีก่อน ส่วนคำถามว่า โกรธพ่อหรือไม่ เธอก็ ตอบตรงๆว่าโกรธ เพราะเขาไม่คู่ควรที่จะเป็นพ่อ ไม่เคยทำหน้าที่ในฐานะพ่อที่ดี แต่ในฐานะลูก ก็ต้องตอบแทนบุญคุณของพ่อ คงละทิ้งพ่อและไม่ดูแลไม่ได้ เมื่อยามคุณพ่อแก่เฒ่าหรือเจ็บป่วย เธอก็ต้องดูแลอย่างแน่นอน

 

 

เมื่อเรื่องราวของเสี่ยวชุ่ยแพร่กระจายไปทั่วทั้งสื่อออนไลน์และโทรทัศน์ ทำให้มีนักธุรกิจท่านหนึ่งแจ้งความจำนงจะอุปการะค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพ ของเธอ  หากแม้ก็ยังมีแฟนๆที่ติดตามเรื่องราวของเธอมีจิตกุศลอยากบริจาคสมทบร่วม เธอจึงขอตั้งเป็นกองทุนช่วยเหลือคนที่ยากจนด้อยโอกาสจะดีกว่า 

          เสี่ยวชุ่ยกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า เธอโชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากสื่อและสังคม  และเธอจะพยายามตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด เพื่อออกมารับใช้สังคม  ไม่ทำให้สังคมผิดหวัง

 

 

ปล. ล่า สุดเธอจบการศึกษาและได้เป็นวิทยากรเผยแพร่ชีวิตของตนเองให้ตามโรงเรียนและ สถานศึกษาเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคน  แม้เวลาจะผ่านล่วงเลยมานานหากเมื่อเธอหวนถึงความหลังที่แสนเจ็บปวดเธอก็อด ที่หลั่งน้ำตาไม่ได้ทุกครั้ง

 

 

          ที่มา : สนุก ดอทคอม

Credit: http://board.postjung.com/616741.html
24 พ.ค. 55 เวลา 17:57 1,357 5 40
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...