ตร.ไทย-จีนผนึกกำลัง ล้างมาเฟีย"แม่น้ำโขง" สางคดีฆ่า13ลูกเรือจีน

แล้วความร่วมมือระหว่าง ′ไทย-จีน′ ในการปราบปรามอาชญากรรม ข้ามชาติก็เกิดขึ้น



หลังคดีสะเทือนขวัญสังหารลูกเรือ ชาวจีน 13 ศพกลางลำน้ำโขง จ.เชียงราย



เป็นคดีที่เกี่ยวข้องโยงถึง ทหารไทย และมาเฟียแม่น้ำโขงที่พัวพันแก๊งยาบ้ามหาภัย



เป็นเรื่องใหญ่ที่ทั้งสองประเทศต้องร่วมกันแก้ปัญหา



หลังเกิดเหตุสังหารหมู่ดังที่กล่าวมา ตำรวจไทย-จีนจึงจัดทำโครงการความตกลงร่วมกัน ระหว่างกระทรวงรักษาความสงบภายในแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งกำกับดูแลกิจการตำรวจ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ร่วมกัน



สลับสับเปลี่ยนกันไปเยือนเพื่อกระชับความสัมพันธ์หลังเกิดเหตุการณ์



วันที่ 11-19 เม.ย. 2555 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. พร้อมคณะตำรวจไทย เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามโครงการข้อตกลงร่วมกัน โดย พล.ต.อ.ปานศิริ และคณะได้เข้าพบและประชุมร่วมกับ นายจาง ซิงเฝิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงรักษาความสงบภายในแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และผู้แทนจากหน่วยตำรวจของจีน อาทิ กองบัญชาการสอบสวนคดีอาญากลาง กองบัญชาการความร่วมมือระหว่างประเทศ ณ ที่ทำการกระทรวงรักษาความสงบภายใน กรุงปักกิ่ง



มีสาระสำคัญคือ การแลกเปลี่ยนข้อมูลและองค์ความรู้ในด้านกิจการตำรวจ การพัฒนาและเสริมสร้างความร่วมมือในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ การให้ความคุ้มครองคนชาติของสองประเทศ การรักษาความปลอดภัยในลุ่มน้ำโขง การติดตามความคืบหน้าคดี 13 ลูกเรือจีนเสียชีวิตบนเรือในลำ น้ำโขง พื้นที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย



ถือได้ว่าเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับตำรวจจีนก่อนการ เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ที่มีกำหนดการเดินทางไปเยือนจีนต่อจากนั้น



ตำรวจทั้งสองฝ่ายได้หารือแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน



รวมทั้งแนวทางการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในรูปแบบแก๊ง คอลเซ็นเตอร์ หรือการฉ้อโกงหลอกลวง ทางโทรศัพท์ อันเป็นปัญหาอาชญากรรม ที่แพร่ระบาดทั้งในประเทศไทยและประเทศจีน ซึ่งที่ผ่านมาตำรวจไทยและจีนได้ประสานความร่วมมือกันอย่างดียิ่ง จนสามารถนำไปสู่การจับกุมแก๊งคนร้ายส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนเพื่อดำเนินคดีเป็นจำนวนมาก



ตำรวจจีนได้นำเสนอวิทยาการตำรวจ ที่ทันสมัยในการสืบสวนสอบสวนและการให้บริการประชาชน โดยเฉพาะการติดตั้งและบริหารกล้องทีวีวงจรปิดจำนวนมาก ทั้งที่เป็นของภาคราชการและของภาคเอกชน ซึ่งสามารถเชื่อมโยงข้อมูลข้อสนเทศระหว่างกันด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย



ในครั้งนี้คณะตำรวจไทยไปเยี่ยมชมการดำเนินงานของตำรวจเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง และประชุมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในการบริหารงานสถานีตำรวจโดยใช้ความพึงพอใจของประชาชน เป็นศูนย์กลาง ตลอดจนวิทยาการตำรวจด้านการรักษาความปลอดภัยและการสืบสวนสอบสวนโดยใช้กล้องทีวีวงจรปิด รวมทั้งการนำเทคโนโลยีและวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์มาใช้เป็นเครื่องมือในการทำงานด้วย



ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีอัตราการพัฒนาทางเศรษฐกิจสูงมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก จึงได้ให้ความสำคัญกับการดูแลให้บริการและติดตามคนต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศจีน ไม่ว่าจะเข้ามาลงทุน ประกอบธุรกิจการค้า หรือเข้ามาท่องเที่ยว ซึ่งนับวันจะมีปริมาณเพิ่ม มากขึ้น ซึ่งตามกฎหมายของจีนนั้นชาว ต่างชาติที่เดินทางมาถึงประเทศจีนจะต้องแจ้งลงทะเบียนที่สถานีตำรวจท้องถิ่น หรือโรงแรมภายใน 24 ชั่วโมง



คณะตำรวจไทยได้ไปเยี่ยมชมสถานีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและให้บริการคนต่างชาติที่เมืองอี้อู่ ซึ่งเป็นสถานบริการแบบ One Stop Service ที่ครอบคลุมการให้บริการแก่ชาวต่างชาติในแบบองค์รวมที่มีความทันสมัย รวมทั้งมีการจัดระบบบริการนอกสถานที่แบบเคาน์เตอร์ เซอร์วิสไว้ในจุดต่างๆ ที่มีคนต่างชาติอยู่เป็นจำนวนมากไว้อีกด้วย



การเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของคณะตำรวจไทยนำโดย พล.ต.อ. ปานศิริ ถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ผู้แทนทั้งสองมิตรประเทศได้ตกลง ที่จะร่วมมือร่วมใจกันในการประสานการปฏิบัติทั้งในเรื่องของการแลกเปลี่ยน ข้อมูล ข่าวสาร การช่วยเหลือกันในเรื่องการสืบสวนสอบสวน ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในรูปแบบต่างๆ ที่มีปริมาณมากขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน รวมทั้งการดูแลความปลอดภัยและให้บริการแก่คนชาติของกันและกันในประเทศของตน ถือเป็นนิมิตหมายอันดี ที่ตำรวจไทยจะได้พัฒนาขีดความสามารถการทำงาน โดยนำเอาประสบการณ์ความรู้และความร่วมมือที่ได้รับจากประเทศจีนในครั้งนี้มาใช้ ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขและดูแล ความมั่นคงของประเทศได้อย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุด



นับเป็นอีกบทบาทหนึ่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการทำงานเชิงรุกในยุคโลกาภิวัตน์...

 

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...