เมื่อ 13 พ.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานความคืบหน้ากรณี ตำรวจกองปราบปรามร่วมกับตำรวจบุรีรัมย์ ล้อมจับ “การุณ ใสงาม” อดีตสว.บุรีรัมย์ ขณะขับรถปิคอัพกลับจากสวนจะเข้าบ้าน ตามหมายจับคดีนำมวลชนยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะที่เครือข่ายพันธมิตรนับร้อยคนได้ล้อมรถไว้ ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดนานกว่า 12 ชั่วโมง
โดยเมื่อเวลา 00.30 น. พ.ต.อ.รวีวรรธน์ เทียนสุวรรณ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เดินทางมาเจรจากับนายการุณ ขอให้ลงมามอบตัวและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมาย แต่นายการุณปฏิเสธที่จะลงมามอบตัว ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ประโคนชัย ได้ร้องขอพร้อมสนธิกำลังกับตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์, บ้านกรวด, นางรอง, หนองกี่, บ้านกรวด, สภ.พลับพลาชัย และตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรจังหวัด รวมกว่า 200 นาย พร้อมนำรถยกมาเพื่อเตรียมพร้อมสลายกลุ่มมวลชนและเข้าควบคุมตัวนายการุณ
ขณะเดียวกัน มีนายสมบูรณ์ ทองบุราณ อดีตส.ว.ยโสธร พร้อมกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรจากจังหวัดโคราช และจังหวัดสุรินทร์ เดินทางมาสมทบให้กำลังใจนายการุณ
กระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. พล.ต.ต.รัฐพงษ์ ยิ้มใหญ่ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบรวมกว่า 200 นาย ได้เข้ากันกลุ่มมวลชนที่นั่งรายล้อมรถของนายการุณ ออกจากบริเวณดังกล่าว ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างตำรวจกับกลุ่มมวลชน แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงหรือผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
จากนั้นใช้รถยกลากรถที่มีนายการุณ นั่งอยู่ภายในรถ โดยมีนางสุกัญญา ใสงาม ภรรยานายการุณ และนายสมบูรณ์ ทองบุราณ นั่งอยู่ในกระบะท้ายรถด้วย ไปยังสถานีตำรวจภูธรประโคนชัย ท่ามกลางเครือข่ายพันธมิตรตามไปให้กำลังใจ เมื่อมาถึงสถานีตำรวจภูธรประโคนชัย ปรากฏว่านายการุณ ยังไม่ยอมลงมาจากรถอยู่ดี แม้ทางตำรวจกองปราบปราม จะนำหมายจับมาแสดงและอ่านข้อกล่าวหาให้ทราบก็ตาม
ล่าสุดเมื่อเวลา 07.45 น. ทางตำรวจกองปราบปราม จึงตัดสินใจเปลี่ยนจากรถยกลากมาเป็นรถบรรทุก 4 ล้อใหญ่ เพื่อยกรถที่มีนายการุณนั่งอยู่ภายใน ไปยังกองปราบปราม เพื่อสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ท่ามกลางความสนใจของประชาชนที่สัญจรผ่านไปมา
ด้านนายการุณ กล่าวก่อนถูกนำตัวไปยังกองปราบปรามว่า การเข้าจับกุมครั้งนี้น่าจะเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองจากคนบางกลุ่ม เพราะคดีดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้ว อีกทั้งหมายจับก็ออกมาตั้งแต่เดือนมี.ค. ทำไมไม่ดำเนินการจับกุมทั้งๆ ที่ตนก็อยู่ในพื้นที่ไม่ได้หลบหนีไปไหน พร้อมยืนยันว่าตนจะไม่ยอมเปิดประตูลงจากรถด้วยตัวเองเมื่อถึงกองปราบปราม
นายการุณ กล่าวต่อไปว่า ในระหว่างที่ควบคุมตัวไปก็ให้มีความปลอดภัย และมีสิทธิเสรีครบถ้วนตามสมควรของสิทธิมนุษยชน โดยสิทธิของผู้ต้องหามีประการใดก็ต้องรักษาสิทธิของผู้ต้องหาอย่างนั้น ยังไม่ได้พิสูจน์ว่ามีความผิดจริงหรือไม่ ข้อหาเดิมที่ตั้งไว้มีกว่า 10 ข้อหา กรณีผู้ก่อการร้ายสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ มีการออกหมายจับแล้วก็ไม่มาจับปล่อยให้ค้างคา ตนโทรศัพท์ไปบอกสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาจับก็ไม่มาจับ
“ผมถูกจับครั้งสุดท้ายวันที่กลับจากกัมพูชา เมื่อครั้งไปช่วยนายวีระ สมความคิด เป็นคดีที่ไม่ได้ความแล้ว โดยถูกจับกุมที่สนามสุวรรณภูมิ มาตั้งข้อหาที่กองปราบปราม พอตั้งข้อหาเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ขอฝากขัง ผมก็สู้เรื่องฝากขัง สุดท้ายการฝากขังจนบัดนี้ก็ไม่สามารถฟ้องคดีได้ ศาลก็มีคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวไปแล้ว กลับมาตั้งข้อหาเพิ่มอีกในคดีนี้ ที่มีหมายศาลมาจับกุม การกระทำเช่นนี้ส่อเจตนาพิเศษกลั่นแกล้ง” นายการุณ กล่าว และว่า
“ยืนยันเมื่อถึงกองปราบปรามจะไม่ลงจากรถด้วยตนเอง แต่หากทางเจ้าหน้าที่ใช้วิธีการอุ้ม ยื้อยุดฉุดกระชากก็ยอม เพราะไม่มีกำลังจะต่อสู้ แต่หากจะเปิดประตูรถก็ให้ทำโดยชอบด้วยกฎหมาย ส่วนจะฟ้องร้องหรือไม่ ตนจะตรวจสอบดูว่าเป็นอย่างไร” นายการุณ กล่าว ก่อนถูกยกรถเข้ากองปราบ