เส้นทางแห่งความฝันของผู้หญิง คือการก้าวสู่ชีวิตที่ดี สมบูรณ์แบบ คือได้เรียนจบการศึกษาดี ได้ทำงานดี และได้มีชีวิตครอบครัวที่ดี เพียงแค่นี้ย่อมทำให้ผู้หญิงเก่งมากมาย ผลักดันตัวเองให้มาอยู่แถวหน้าเช่นเดียวกันกับ มีน (ออม-สุชาร์ มานะยิ่ง) ที่ก้าวเข้ามาเป็นแอร์โฮสเตสมือใหม่ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ อาชีพในฝันของผู้หญิงหลายคน ถึงแม้ว่าเธอจะทำความฝันของตนเอง”ใช่” ไปแล้ว 2 อย่าง แต่ในเรื่องของความรักกลับ “ไม่ใช่” อย่างที่คิด..ติดขัดตรงที่หลังเลิกราคนรักเก่าสมัยเรียน ตั้งแต่นั้นเธอกลับวางสเป็คผู้ชายไว้สูงเท่าเพดานบินเลยทีเดียว!!
ดังนั้น ณ เวลานี้การได้บินคือความสุขของเธอ อีกทั้งงานที่ต้องพบปะผู้คนที่เดินทางมากมาย..และหนึ่งในผู้โดยสารเจ้าประจำที่แอบมอง แอบชอบเธออยู่เงียบๆ สำเภา (มอส-ปฏิภาณ ปฐวีกานต์) หนุ่มใหญ่รูปหล่อเจ้าของรีสอร์ทดังบนเกาะสมุย ด้วยชีวิตหน้าที่การงานเพียบพร้อมทุกอย่าง แต่มีสิ่งเดียวที่สำเภาขาดคือ “ความกล้าที่จะจีบหญิง” …..ปมด้อยจากในอดีตแสนขื่นขม จนไม่กล้าเอ่ย
“เธอเป็นเหมือนนางฟ้า ทั้งเก่ง ทั้งสวย ทั้งเพอร์เฟ็คถูกใจไปหมด จะทำไงดี…จะทำไงดี ??? ”…คำถามในใจมันเป็นแรงกดดัน สำเภา ต้องตัดสินใจหาตัวช่วยหลังจากที่ไปเห็นคลิปใน You Tube กับธุรกิจรับจ้างบอกรักชื่อดังบนอินเตอร์เน็ต ที่มี ทุเรียน (ป๋อมแป๋ม – นิติ ชัยชิตาทร) , เจ๋ง (โอ๊ค – กีรติ ศิวะเกื้อ) , กลม (พรพิศิษฐ์ สมชาติวงศ์) และ ต๋อง (อัทธ์ – อังค์กูณฑ์ ธนาทรัพย์เจริญ) อดีตแฟนเก่าสุดเซอร์ของสาวมีน ตกกระไดพลอยโจนมารับทำงานนี้เข้าให้…
เมื่อความรักมันเดินมาถึงจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต สำเภาจะเป็นความฝันสุดท้ายของสาวมีน หรือ…. ความฝันจะสลายเพราะ ต๋อง อดีตแฟนหนุ่ม!!! …. การตัดสินใจครั้งสำคัญของเธอ
——————————————————————————————————————
Director note
“ชอบกด LIKE ใช่กด LOVE” เป็นภาพยนตร์ลำดับที่ห้าของผม แต่แทนที่ผมจะเลือกทำหนังสยองขวัญตามแนวถนัดแต่ผมกลับมาเลือกทำหนังรักโรแมนติค ด้วยเหตุผลเพียง ข้อเดียวก็คือเรื่องของความรักมันเป็นสิ่งใกล้ตัวผมมากที่สุดและไม่ต้องพึ่งพาจินตนาการเกินจริง แต่ใช้ประสบการณ์จริงที่ผ่านมาในชีวิตผมมาผูกเป็นเรื่องราวลงบนแผ่นฟิล์ม เหตุการณ์หรือตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนี้ ส่วนใหญ่จะได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของผมบ้าง จากคนใกล้ตัวบ้าง คำพูดโดนๆ ที่เคยได้ยิน ก็ถูกจับใส่ลงไปให้ตัวละครพูด อุปกรณ์ประกอบฉากที่เป็นของสะสมของผม หรือแม้แต่ Character ของตัวละครผมก็ยังหาคนที่ใกล้เคียงกับคนคุ้นเคย
ในเวลาที่ผมกำกับ ก็ปล่อยให้นักแสดงเล่นไปเองตามธรรมชาติ ไม่มีกรอบใดๆ มาบังคับ อยากทำอะไรทำ อยากพูดอะไรพูด นอกบทไปบ้างก็ได้ หรือบางซีนบอกให้นักแสดงทิ้งบทแล้วทำตามอารมณ์ของตัวเองเพื่อให้มันสมจริงที่สุด ผมได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ร้องไห้ไปตามอารมณ์ของนักแสดงตอนนั่งดูการแสดงหน้ามอนิเตอร์ บางซีนผมปล่อยให้มันลื่นไหลไปตามธรรมชาติจนจบซีนแล้วผมก็ปล่อยทั้งซีนนั้นลงไปในหนังโดยไม่คัทเลย ผมอยากให้คนดูได้รู้สึกเหมือนว่าเหตุการณ์นั้นมันเกิดขึ้น
และถ้าจะให้คำจำกัดความของหนังเรื่องนี้ผมว่ามันเปรียบเสมือนอาหารจำพวกของกินเล่น ที่ยิ่งกินยิ่งมัน ไม่ต้องมีรูปแบบอะไรมากมาย เป็นหนังรักสไตล์ไทยๆ ที่ไม่หวานจนเลี่ยน หรือจืดชืด
และเมื่อหนังเข้าฉายผมคงได้แต่เฝ้าลุ้นว่าจะมีคนมากดไลค์ให้หนังเรื่องนี้…กี่คน
ภาคภูมิ วงษ์จินดา
( Pakphum Wongjinda )
———————————————————————————————————