เหยื่อสาววัย 25 ถูกทำร้ายในลานจอดรถห้างดัง เล่านาทีต่อสู้สุดชีวิตจนรอดมาได้ เผย รปภ.ไม่ช่วย ทั้งที่พยายามบอก ด้านตำรวจออกหมายจับแล้ว
จากกรณีที่โจรอุกอาจบุกทำร้าย น.ส.บี วัย 25 ปี ช่วงกลางวันแสก ๆ ถึงที่จอดรถห้างสรรพสินค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ แต่ น.ส.บี ไม่ยอม ดิ้นสู้สุดชีวิตจนน่วม และรอดมาได้อย่างหวุดหวิด โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือใด ๆ จากทางรปภ. หรือห้างแฟชั่นไอส์แลนด์เลย จนกระทั่ง น.ส.บี เข้าร้องเรียนกับทางหนังสือพิมพ์ข่าวสด เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้ทุกคนระวังตัว เนื่องจากเป็นภัยร้ายที่อยู่ใกล้ตัวซึ่งทุกคนอาจคาดไม่ถึงนั้น
ล่าสุด ช่วงเย็นวานนี้ (8 พฤษภาคม) รายการเจาะข่าวเด่น ทางช่อง 3 ได้เชิญ น.ส.บี มาเล่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าวให้ได้ฟังกันอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อเป็นการเตือนภัยใกล้ตัวทุกคน
โดย น.ส.บี เล่าว่า รถของตนเป็นฮอนด้าซิตี้ ซึ่งตนขับไปแฟชั่นไอส์แลนด์บ่อยมาก ปกติจะไปช่วงเย็น ๆ แต่วันเกิดเหตุตนไปตอนกลางวัน ไปทำธุระ จอดรถไว้ที่ชั้น 1 ครึ่งโซน D ท่าพระจันทร์ ซึ่งปกติจอดแถวนั้นอยู่แล้ว แต่ก็มีรถถอยเข้าถอยออกบริเวณนั้นอยู่ตลอดเวลา พอปิดประตูกำลังจะสตาร์ทรถ จู่ ๆ มีคนร้ายเปิดประตูหลังด้านซ้ายเข้ามานั่งในรถ ตนตกใจมากพยายามจะล็อกประตูแต่ไม่ทัน เมื่อคนร้ายได้เอามือล็อคคอปิดปากไม่ให้ร้อง ตนก็เปิดล็อครถทันที และใช้เท้าถีบประตูรถอย่างแรง เพื่อให้ฟาดกับรถที่จอดอยู่ข้าง ๆ หวังให้สัญญาณกันขโมยดังจะได้มีคนช่วยจากนั้นคนร้ายเริ่มชกท้อง พอตนยิ่งถีบประตู เขาก็บีบคอเอนลงมาที่ฝั่งข้างคนขับ ซึ่งบีบแรงมากจนหายใจไม่ออก และบอกว่า โอเค ยอมแล้ว เขาก็ลากคอเราไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ ส่วนเขาย้ายมานั่งที่คนขับ และเอาเชือกมามัดด้วยแต่ไม่แน่น เพราะกังวลที่จะสตาร์ทรถด้วย
น.ส.บี เล่าต่อว่า ระหว่างนั้นคนร้ายบอกว่า อยู่นิ่ง ๆ นะ เดี๋ยวจะพาไปพบคน ๆ หนึ่ง เขาอยากเจอคุณมาก ตอนนั้นตนกลัวมาก เมื่อเขาเริ่มสตาร์ท ตนก็เปิดประตูออกและถีบอย่างแรงอีกครั้งให้ชนรถคันข้าง ๆ จนบุบ คนร้ายจิกหัว ชกท้องไม่ยั้ง ซึ่งตนก็ทั้งดิ้น ทั้งถีบ จนมีจังหวะหนึ่งที่เท้าไปกดบีบแตรได้ พร้อมกับร้องตะโกนว่าช่วยด้วย ๆ แต่ไม่มีคนช่วย คนร้ายจึงจิกหัวตนล็อคไว้ใต้ขา พร้อมกับพูดว่า ถ้าคุณดิ้นอีก ผมแทงคุณจริง ๆ ด้วย
แต่เมื่อสบโอกาส ตนก็กัดเต็มแรงเข้าไปที่ขาคนร้ายซึ่งใส่ขาสั้นพอดี จนสามารถหลุดออกมาได้ ก็รีบวิ่งออกมาหลังรถ พร้อมกับร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ ซึ่งตอนนั้นมีผู้ชายผู้หญิงเดินผ่านมาพอดี ตนจึงรีบวิ่งไปกอดแขนพี่ผู้ชาย และบอกว่า ช่วยด้วยค่ะ มีคนทำร้าย แต่คนร้ายบอกว่าเนี่ยเพื่อนผม แต่สักพักก็เปลี่ยนบอกอีกทีว่า เนี่ยแฟนผมพร้อมกับชี้หน้า พี่ผู้ชายก็บอกว่า น้องเขาบอกว่าไม่รู้จักคุณ จากนั้นคนร้ายก็กลับไปที่รถปิ๊กอัพของตัวเองซึ่งจอดเยื้อง ๆ กับตน และขับออกไป แต่เมื่อขับผ่าน รปภ. ยังตะโกนบอกด้วยว่า เนี่ยแฟนเก่าผม
น.ส.บี กล่าวต่อไปว่า เมื่อเห็น รปภ. ตนก็รีบตะโกนบอกว่าช่วยแจ้งตำรวจด้วยค่ะ ซึ่งคนร้ายไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด แต่ รปภ. กลับนิ่งเฉย ถ้าเขาเข้ามาช่วยก็สามารถจับคนร้ายได้แล้ว พร้อมกับบอกว่า อ้าว พี่นึกว่าแฟนทะเลาะกัน ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่า รปภ. เห็นเหตุการณ์แล้วสักระยะหนึ่งแต่ไม่ช่วย ตนคิดว่าต่อให้เป็นแฟน หรือไม่ใช่ก็ตาม ก็น่าจะเข้ามาช่วยเหลือบ้าง หรือคุณจะแค่ยืนดูแล้วปล่อยให้ถูกซ้อมจนตายเลย
ทั้งนี้ ตนก็อธิบายว่าไม่ใช่แฟน ตนไม่รู้จัก พร้อมกับวิ่งกลับไปที่รถเพื่อโทรหาสามีให้มาช่วยเหลือ และเมื่อผ่านไปสักพักซึ่งนานพอสมควร รปภ. ก็เพิ่งจะวอถามกันว่า รถคนร้ายอยู่ไหนแล้ว ปรากฏว่าออกจากห้างไปแล้ว ตนช็อกและกลัวมาก รู้สึกเหมือนเขาไม่ได้ให้ความช่วยเหลือใด ๆ เลย
หลังจากนั้น ตนได้ไปแจ้งความที่ สน.บางชัน เพื่อขอดูกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทราบทะเบียนรถ และสามารถสืบหาตัวคนร้ายได้พบ ซึ่งเมื่อได้ดูภาพชี้ตัวคนร้าย ตนก็จำได้ทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าคนร้ายเป็นน้องชายของเจ้าของรถ ทั้งนี้ ตนก็ได้เจอพ่อและพี่ชายเขา ซึ่งตนก็อยากจะบอกกับคนร้ายว่า ทำอย่างนี้ไม่กลัวพ่อคุณจะเสียใจหรอ เราก็เป็นพ่อแม่คนเหมือนกัน ก็รู้ว่ามันเจ็บปวดเวลาที่จะต้องมาฟังเรื่องแบบนี้ของลูกตัวเอง ซึ่งสิ่งที่คุณทำตอนนี้ พ่อของคุณก็ไม่สามารถปกป้องได้อีกต่อไป
เมื่อพิธีกรถามว่า ทำไมวันนั้นถึงตัดสินใจสู้สุดชีวิต น.ส.บี กล่าวว่า เหมือนเป็นสัญชาตญาณค่ะ ซึ่งเราก็คิดว่าหากเขาออกรถไป เราคงไม่มีชีวิตรอด คงไม่ได้กลับมาเจอหน้าลูกสาว เราทำทุกอย่างเพื่อป้องกันตัวเองสุดชีวิต ยอมตาย ณ เวลานั้น เราไม่อยากเสียใจว่าไม่ได้สู้ เพราะอย่างน้อยก็ได้ทำเต็มที่แล้ว
ส่วนประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจนั่นคือ คนร้ายอ้างว่าจะพาไปพบคน ๆ หนึ่งที่อยากพบมากนั้น น.ส.บี บอกว่า ได้คุยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เขาคิดว่าเป็นเพียงมุขของคนร้ายที่ใช้อ้างมากกว่า เพราะคนร้ายเตรียมการมาเป็นอย่างดีมีทั้งเชือก มีด อยู่ในรถ ตนรู้สึกกลัวว่าคนร้ายก่อเหตุขนาดนี้ แต่ตำรวจจะแจ้งข้อหาเบา ทำให้คนร้ายออกมาก่อเหตุได้อีก ซึ่งเจตนาคนร้ายก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าตั้งใจทำอะไร อีกทั้งยังมีการเตรียมการอย่างดี หากตนไม่สู้ก็อาจจะไม่มีชีวิตรอดก็เป็นได้ เพราะหากตำรวจแค่ปรับ 500-1,000 บาท ต่อไปคนร้ายไม่เกรงกลัวที่จะก่อเหตุแบบนี้อีก
สุดท้ายนี้ น.ส.บี ยังกล่าวด้วยว่า เหตุการณ์นี้ทำให้เรารู้สึกว่าไม่ปลอดภัยใด ๆ สำหรับผู้หญิงเลย แม้ในสถานที่ ๆ ดูปลอดภัย มีรปภ. มีกล้องวงจรปิด แต่คุณทำอะไรไม่ได้เลย ไม่มีใครมาช่วยเหลือเรา เราต้องระมัดระวังตัวเองอยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม สำหรับความคืบหน้าล่าสุด วานนี้ (8 พฤษภาคม) พ.ต.อ.วีรชัย โพธิปัดชา ผกก.สน.บางชัน กล่าวว่า ขณะนี้ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว คือ นายสัมพันธ์ ศรีคชา อายุ 22 ปี ที่อยู่เลขที่ 62 ซอย 1 กาญจนาภิเษก 9 แยก 9 แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กทม. ข้อหาข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธ (มีด) และทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
ทั้งนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตามไปที่บ้านพักแต่คนร้ายไหวตัวทันหลบหนีไปก่อนแล้ว จึงให้ฝ่ายสืบสวนเฝ้าตามบ้านญาติ ส่วนรถยนต์กระบะที่ใช้ในวันก่อเหตุนั้นเป็นรถของบิดาผู้ต้องหา ซึ่งให้การว่าผู้ต้องหาขโมยไปใช้ สำหรับการดำเนินคดีอย่างไรนั้นต้องจับกุมตัวคนร้ายมาสอบสวนให้ได้เสียก่อนและจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป