ทรชนที่จอดรถ ป้ายทะเบียนมัด วงจรปิดเห็นชัด เหยื่อเผยยังผวา ไม่กล้าอยู่ลำพัง
ออกหมายจับแล้วคนร้ายฉุดคร่านักธุรกิจสาวก่อเหตุอุกอาจกลางลานจอดรถห้างสรรพสินค้ากลางวันแสกๆ ตามรอยจากทะเบียนรถและภาพกล้องวงจรปิด บุกไปถึงบ้านแต่คนร้ายเผ่นหนีไปก่อน พบแต่พ่ออ้างลูกขโมยรถไปใช้ ส่งทีมประกบตามบ้านญาติ-เพื่อน ส่วนเจ้าทุกข์สาวยังผวาไม่กล้าขับรถตามลำพังหรือไปเดินห้างคนเดียว พบคนร้ายพักอยู่ละแวกเดียวกับเหยื่อ แต่สาวยันไม่รู้จักหรือเคยเห็นหน้ามาก่อน คาดคนร้ายเป็นพวกมิจฉาชีพ รอลงมือกับเหยื่อทั่วไปเพราะเห็นจอดรถอยู่ก่อนแล้ว
จากคดีสะเทือนขวัญสังคมคนร้ายพยายามฉุดคร่าน.ส.บี (นามสมมติ) นักธุรกิจสาว วัย 25 ปี ขณะอยู่ในลานจอดรถ ห้างสรรพสินค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ รามอินทรา โดยลงมือทำร้ายร่างกายและลากขึ้นรถเพื่อจับมัดในตอนกลางวันแสกๆ ขณะที่เหยื่อดิ้นสู้สุดชีวิตรอดออกมาได้ ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ คนร้ายจึงขับรถปิกอัพหลบหนีไปเหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพไว้ได้ เจ้าทุกข์เข้าแจ้งความกับตำรวจสน.บางชัน ซึ่งทราบหมายเลขทะเบียนรถคนร้ายแล้ว ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 8 พ.ค. พ.ต.อ.วีรชัย โพธิปัดชา ผกก.สน.บางชัน กล่าวว่า ขณะนี้ได้ออกหมายจับที่ 383/2555 ผู้ต้องหาชื่อ นายสัมพันธ์ ศรีคชา อายุ 22 ปี ที่อยู่เลขที่ 62 ซอย 1 กาญจนาภิเษก 9 แยก 9 แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กทม. ข้อหาข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธ (มีด) และทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
ผกก.สน.บางชันกล่าวอีกว่า ตำรวจตามไปที่บ้านพักแต่คนร้ายไหวตัวทันหลบหนีไปก่อนแล้ว จึงให้ฝ่ายสืบสวนเฝ้าตามบ้านญาติ ส่วนรถยนต์กระบะที่ใช้ในวันก่อเหตุนั้นเป็นรถของบิดาผู้ต้องหา ซึ่งให้การว่าผู้ต้องหาขโมยไปใช้ สำหรับการดำเนินคดีอย่างไรนั้นต้องจับกุมตัวนายสัมพันธ์มาให้ได้ก่อน เนื่องจากในวันเกิดเหตุคนร้ายไม่ได้แตะต้องทรัพย์สินภายในรถแต่อย่างใด ได้แต่พูดว่าจะนำตัวไปหาคนหนึ่งที่รอพบอยู่
ด้านนักธุรกิจสาวกล่าวว่า คนร้ายรายนี้มีบ้านพักอยู่ละแวกเดียวกัน คืออยู่ซอยตรงกันข้าม ในพื้นที่เขตคันนายาว แต่ไม่คุ้นชื่อ ไม่เคยรู้จัก และไม่เคยเห็นหน้าคนร้ายมาก่อน รวมถึงสามีและทุกคนในครอบครัวก็ไม่เคยรู้จักคนร้ายรายนี้เลย เชื่อว่าเป็นมิจฉาชีพที่คอยก่อเหตุตามลานจอดรถห้างสรรพสินค้า เพียงแต่บ้านของคนร้ายบังเอิญมาอยู่ในละแวกเดียวกันเท่านั้น เพราะจากการที่ได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าคนร้ายได้จอดรถรอก่อเหตุอยู่ที่ลานจอดรถของห้างอยู่แล้ว ไม่ได้ขับตามมาแต่อย่างใด
เมื่อถามว่ากลัวจะถูกตามข่มขู่คุกคามทำร้ายหรือไม่ น.ส.บีกล่าวว่า ไม่กลัวเพราะเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำงานได้รวดเร็ว อีกทั้งยังได้คุยกับพ่อของผู้ต้องหาถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ตามข่มขู่หรือทำร้าย อย่างไรก็ตามความรู้สึกในตอนนี้ยังกลัวที่จะขับรถคนเดียว หรือไปจอดรถตามลานจอดรถอยู่