อึ้งเทรนด์ใหม่แกะกล่องของสาวประเภท 2 เมินการแปลงเพศ มัม ลาโคนิค สาวประเภท 2 รุ่นใหญ่ชี้ ไม่ต้องแปลงหรอกน้อง ย้ำผู้ชายไม่เรื่องมาก ไม่แปลงก็ไม่เสี่ยงติงต๊อง เอมี่สาวประเภท 2 ชื่อดังการันตีผ่าแปลงเพศ 8 ปี ทุกข์สุดๆ เพราะไม่รู้จุดสุดยอด แนะคิดให้ดี…
กลายเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่ได้รับกระแสตอบรับกันอย่างกว้างขวาง กับการที่สาวประเภท 2 ฮิตสวยแบบไม่ต้องเจี๋ยนหนอนน้อยออกจากร่างกาย ล่าสุด เกย์นที ธีระโรจนพงษ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายอัตลักษณ์ทางเพศกล่าวยืนยันผ่านไทยรัฐออนไลน์ว่าเทรนด์นี้กำลังฮิต เป็นเทรนด์ที่เรียกกันว่าสวยแบบมีหงอนน้อย พร้อมกับสนับสนุนเทรนด์นี้ให้ฮิตตลอดไป
“การแปลงเพศเอา “เทสโทสเตอโรน” ออกไปจากร่างกายฮอร์โมนต่างๆ จะปั่นป่วนมาก จึงทำให้คนแปลงเพศต้องมีการฉีดฮอร์โมนกันวุ่นวาย อีกทั้งการผ่าตัดแปลงเพศเป็นเรื่องซับซ้อนเป็นการผ่าตัดใหญ่เสี่ยงต่อการเสียชีวิต แพทยสภาและสาธารณสุขต้องออกมาให้ข้อมูล ข้อเสียว่ามีอะไรบ้าง อย่างตอนที่กะเทยฮิตตัดอัณฑะกัน หมอระดับศาสตราจารย์บอกว่า มันก่อให้เกิดผลเสียทางด้านจิตใจและร่างกายอย่างมาก ทั้งเรื่องกล้ามเนื้อลีบทางจิตประสาท”
และที่สำคัญสังคมจะต้องไม่ตั้งข้อแม้ ให้สิทธิ์พิเศษว่าต้องแปลงเพศเท่านั้นได้รับการยอมรับ โน่น นี่ มากกว่าไม่แปลงเพศ อย่างกรณีการแก้กฎให้สาวประเภท 2 ไม่แปลงเพศเป็นแอร์โฮสเตสได้เหมือนกับพวกที่แปลงเพศนั้น คนก็เริ่มเห็นว่าปัจจุบันสิทธิ์เริ่มเท่ากัน เทรนด์แบบนี้จึงได้รับความนิยมมากอย่างถล่มทลาย แต่ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยกับคนที่แปลงเพศที่มาจากใจจริงๆ แต่ถ้าตัดออกไปเพราะมีตัวล่อ มีตัวบังคับ มีตัวได้เปรียบก็ไม่เห็นด้วย
เกย์นที ยกตัวอย่าง ประเทศอย่างอเมริกาใต้ บราซิล อาร์เจนตินา เวเนซุเอลา ว่า เป็นประเทศที่ให้คำนำหน้านางสาวกับกะเทยโดยที่ไม่ต้องแปลงเพศอีกด้วย
“แต่บางประเทศก็ให้ใช้นางสาวในการแปลงเพศเท่านั้น บางประเทศให้ใช้คำว่านางสาวทั้งที่แปลงและไม่แปลง ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าประเทศที่เปิดกว้างให้อิสรภาพเขาดูกันที่จิตใจ อย่างที่บอกการแปลงเพศเป็นเรื่องเสี่ยงมากๆ แถมยังต้องใช้เงินเป็นแสนเป็นล้าน บางคนก็ทำทุกวิถีทางเพื่อหาเงินมาทำ แต่เดี๋ยวนี้ไม่แล้ว เพราะเขารู้ว่าหมอหลายคนบอกว่าแปลงเพศแล้วอายุจะสั้นกว่าคนที่ไม่แปลงเพศ อีกอย่างคนก็ยอมรับกันมากขึ้น อย่างคนทางยุโรปและตะวันตกเขานิยมกะเทยที่ไม่แปลงเพศอย่างมาก เราก็ดีใจเพราะว่าตอนนี้เมืองไทยจำนวนมากตอนนี้บอกแฟนตัวเองว่าไม่ต้องแปลงเพศแล้ว เพราะว่าชอบหนอนน้อยนั้นหรือเรียกว่าพกงู แถมมีไว้ก็ไม่อันตรายด้วย”
ขณะที่ หนึ่งในผู้ที่คลุกคลีกับวงการสาวประเภท 2 อย่าง เอมี่-รัชฎา ครุฑรามาศ สาวประเภท 2 ชื่อดัง ที่แปลงเพศตั้งแต่อายุ 18 ปี โดยมีครอบครัวและจิตแพทย์เซ็นรับทราบและยินยอม กล่าวว่า ยอมรับผ่านไทยรัฐออนไลน์ว่าเทรนด์สาวประเภท 2 สวยโดยไม่ต้องแปลงเพศกำลังฮิตเป็นเรื่องจริง
“สาเหตุที่ทำให้เทรนด์นี้ฮิตนอกจากราคาการแปลงเพศถ้าจะให้เหมือนเป๊ะๆ ปัจจุบันราคาจะแพงมากแล้ว (เธอแปลงมาในราคา 3 แสนบาท ซึ่งถ้าอยากจะแปลงให้เหมือนกับผู้หญิงจริงๆ เอมี่บอกว่าราคาแพงกว่านี้เท่าตัว) สาเหตุหนึ่งก็เพราะว่าโลกมันเปลี่ยนและสังคมไทยยอมรับสาวประเภท 2 มากขึ้น
“ที่เรารู้จักก็มีหลายคนเขาก็มีความสุขมากมาย เขาและคู่รักก็พอใจในสิ่งที่เป็นอยู่แล้วก็ไม่อยากเสี่ยงเพราะหลายคนที่แปลงเพศมาแล้วไม่ถึงจุดสุดยอดก็มีมาก ทำให้อารมณ์แปรปรวนบางคนบ้าไปเลยก็มี อย่างเอมี่บอกตรงๆ ว่า หลังจากแปลงเพศมา 8 ปี เพิ่งมาพบกับตำแหน่งที่ทำให้ถึงจุดสุดยอดก็ 2 ปีนี่เอง” เอมี่วิเคราะห์จากการพูดจากับกลุ่มน้องรุ่นใหม่ และย้ำว่านี่ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สาวประเภท 2 ไม่อยากเสี่ยงเพราะมันแลกกับความสุข
เรื่องความสัมพันธ์เช่นนี้ หลายคนอาจจะมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่ถ้าหากเปิดใจให้กว้างรับฟังปัญหาทุกมิติของสาวประเภท 2 ไม่ตัดหนอนน้อยนั้น เรื่องกุ๊กกิ๊กกันจะมีความสุขเต็มร้อย กว่าการที่ให้หมอเจี๋ยนเอาหนอนน้อยออกไป
“อย่างที่บอกการแปลงเพศต้องประสบปัญหามากกว่าไม่แปลงมากมาย เช่น ตอนที่เราเป็นผู้ชายก็จะมีฮอร์โมนเพศหญิง-ชายครบ โดยมีลูกอัณฑะเป็นตัวผลิตฮอร์โมน แต่เมื่อแปลงเพศจะต้องเอาลูกอัณฑะออก จะทำให้ร่างกายเลิกผลิตฮอร์โมนทุกชนิด เพราะหากสังเกตสาวประเภท 2 คนไหนที่แปลงเพศจะซูบผอม เนื่องจากกล้ามเนื้อจะเหี่ยว ไม่มีน้ำ-นวล ซึ่งหมอจะแนะนำให้ฉีดฮอร์โมนเพศหญิงเข้าร่างกายให้ร่างกายมีน้ำ-นวลเปล่งปลั่ง กระปรี้กระเปร่าเหมือนผู้หญิงจริงๆ อย่างเอมี่ก็ต้องฉีดอาทิตย์ละเข็ม เข็มละ 200 บาท (ต้องฉีดตลอดไป) แต่อย่างเอมี่ฉีดมากจะอวบมากเลยหยุดไปพักหนึ่ง”
สุดท้าย เอมี่บอกว่า แต่ถ้าถามวันนี้ย้อนเวลาได้จะกลับไปได้ บางทีก็แอบหวังว่าจะกลับมาเหมือนเดิม เพราะมันมีความสุขไม่เท่ากัน แม้ในความเป็นจริงจะคิดว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอน
“ถ้ามีน้องๆ สาวประเภท 2 เดินมาถามว่าจะแปลงเพศดีหรือไม่ เอมี่ก็จะแนะนำให้เขาไปคิดให้ดี ปรึกษาผู้ใหญ่และแพทย์ให้ดีว่ามันตรงและใช่หรือเปล่ากับสิ่งที่เป็นอยู่ ถ้าไม่แน่ใจก็ไม่แนะนำ และหลายคนไม่แปลงเพศจริงแต่ไปเอาลูกอัณฑะออก อยากจะบอกว่าอย่า เพราะอันตรายมากๆ ส่วนเรื่องที่มีกันพูดกันมากก็คือการแปลงเพศนั้นจะทำให้มีอายุที่สั้นลง จริงๆ แล้วเราก็ไม่แคร์นะ เพราะว่าเราอยากจะสวยตอนอายุ 20-30 ปี ก็โอเคแล้ว หลังจากนั้นจะเป็นอะไรก็แล้วแต่เวรกรรม ตอนนี้โลกเปลี่ยนแปลงและยอมรับมากขึ้น จะแปลงหรือไม่แปลงก็อยากจะให้ถามใจตัวเองให้ดีที่สุด เพราะเดี๋ยวนี้เทรนด์ที่สาวประเภท 2 หน้าตาสวยๆ รุ่นน้องๆ ที่รู้จักไม่แปลงเพศกำลังอินเทรนด์เพราะไม่ต้องเสี่ยงด้วย” สาวประเภท 2 กล่าว
ด้าน มัม ลาโคนิค หรือ นายวัลลภ มณีคุ้ม สาวประเภท 2 ที่ยังไม่แปลงเพศรุ่นใหญ่ กล่าวเห็นด้วยกับเทรนด์นี้ผ่านไทยรัฐออนไลน์ว่า ไม่ต้องผ่าหรอกเพราะวันนี้สังคมคงเข้าใจและดูที่ความสามารถ ส่วนเรื่องการกลัวว่าถ้าไม่แปลงเพศผู้ชายจะไม่ยอมรับนั้น ไม่จริงเพราะผู้ชายสมัยนี้ก็พร้อมยอมรับการไม่ผ่าตัดมากขึ้น
“โลกมันเปลี่ยนไปยิ่งสมัยก่อนผู้ชายไม่เรื่องมาก ถามว่าแปลงเพศแล้วผู้ชายชอบมากกว่าเดิมไหม หรือว่ามันรักเราจะมาแต่งงานกับเราเลยหรือก็ไม่ใช่ ไม่ต้องผ่าหรอกน้องพี่แนะนำ”
เมื่อถามถึงการผ่าตัดแปลงเพศแล้วส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องการถึงสุดยอดในการมีเพศสัมพันธ์ สาวประเภท 2 มากความสามารถบอกว่า
“สมัยก่อนเราเคยถึงสุดยอดอย่างไร แต่ไปทุบธาตุไฟของเราให้แหลกหมด พอผ่าก็ไม่มีน้ำหลั่งเหมือนตอนที่ยังไม่ผ่ามันจะมีความสุขได้อย่างไร ถามว่าคนเรามีเซ็กซ์ทั้งผู้หญิงและผู้ชายมีความสุขอยู่ตรงไหน ก็คือการที่ได้หลั่ง ฉะนั้นเวลาที่เราเป็นผู้หญิงก็เป็นแค่ภายนอกพอ อวัยวะเพศก็เก็บเอาไว้ดั่งเดิม แล้วเราจะมีความสุขมาก ไม่ใช่เคยสุขแล้วกลายเป็นน้ำซึมบ่อทราย หรือบางคนผ่าแล้วน้ำประปาหายไปเลย แล้วนี่แหละสะสมทำให้ส่วนใหญ่เก็บกด ทำให้นานเข้าไปคนที่ผ่าก็จะติงต๊องซะส่วนใหญ่”
เขาย้ำว่า บางคนไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงเลยเมื่อตัดออกไป ก็เก็บกดของที่เคยหลั่ง ไม่หลั่งหลายคนก็มีอาการเพี้ยนมาก เพื่อนๆ บางคนมีของตนเองนั่งอยู่ก็โอดครวญ บางทีก็ร้องโวยวายขึ้นมาว่า ไม่น่าทำเลยมันผิดพลาดเอาของฉันคืนมานอนร้องไห้ร้องห่ม
“มันกดดัน การจะทำตรงนี้ ต้องตัดสินใจแน่วแน่อยากให้ถามตัวเองให้ซ้ำๆ นานๆ และผ่านจิตแพทย์ อายุน้อยๆ ต้องผ่านผู้ปกครองไม่เช่นนั้นอันตรายและคุณจะไม่มีความสุขแน่นอน”
ในมุมของ ปอย – ตรีชฎา เพชรรัตน์ สาวประเภท 2 ที่ผ่าตัดตั้งแต่อายุ 16 ปี กล่าวแนะนำการผ่าตัดแปลงเพศว่า ส่วนตัวที่แปลงเนื่องจากสภาพจิตใจตนเป็นผู้หญิงแต่กลับมีอวัยวะผู้ชายซึ่งไม่ตรงกับจิตใจจึงทำการผ่าตัดแปลงเพศโดยผ่านจิตแพทย์และผู้ปกครองก็อนุญาต อย่างไรก็ดีเมื่อจะตัดสินใจอะไรก็ต้องผ่านจิตแพทย์ ไม่อยากให้ประมาทถ้าอายุไม่ถึงก็ควรจะปรึกษาผู้ปกครองแล้วก็ผ่านจิตแพทย์ เพราะถ้าทำอะไรวู่วามแล้วเป็นกระแสก็อันตรายตนเองไม่สนับสนุน