จับผิดคนทรงผี
นักวิทยาศาสตร์หลายสิบคนจากหลายประเทศเข้าสังเกตุการณ์การทรงเจ้าเข้าผี นักวิทยาศาสตร์หลายคนยอมรับว่าไม่สามารถให้เหตุผลอธิบายสื่งเหนือธรรมชาติที่เห็นกับตาตัวเองได้ ทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในคนทรงที่ความสำคัญที่สุดของโลกไสยศาสตร์
โต๊ะและสิ่งของต่างๆลอยขึ้นจากพื้น หลอดไฟปิด-เปิดได้เอง เครื่องดนตรีบรรเลงโดยไม่มีใครเล่น ภาพใบหน้าคนแปลกหน้าปรากฎขึ้น ปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติเหล่านี้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาสักขีพยานนักวิทยาศาสตร์ผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่าน ทำให้คนทรงเจ้าผู้นี้กลายเป็นคนทรงเจ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของยุคและเป็นคนแรกที่ถูกผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนมากขอทำการทดสอบลองของมากครั้งที่สุด
ยูซาเปีย พัลลาดิโน (Eusapia Palladino) เกิดเมื่อปี 1854 ในเมืองแบริ ปรเทศอิตาลี หลังจากเธอคลอดออกมาได้เพียงไม่กี่วันมารดาของเธอก็เสียชีวิต บิดาจึงส่งพัลลาดิโนไปฝากให้เพื่อนเลี้ยงดู เมื่อายุเพียงขวบเดียว พัลลาดิโนประสบอุบัติเหตุล้มศีรษะกระแทกพื้นอย่างแรงจนกะโหลกศีรษะร้าว และต่อมาเส้นผมที่ขึ้นรอบๆบาดแผลก็กลายเป็นสีขาว
ยูซาเปีย พัลลาดิโน (Eusapia Palladino)
บิดาเธอถูกฆาตกรรมในปี 1862 ทำให้เธอกลายเป็นเด็กกำพร้าด้วยวัยเพียง 8 ปี ซึ่งเธออ้างว่าในช่วงเวลานี้เองที่เธอเริ่มได้ยินเสียงแปลกๆไม่มีที่มาเช่นเสียงกระซิบและเสียงสิ่งของลากกับพื้นตลอดจนมีมือลึกลับดึงผ้าห่มออกจากตัวเธอขณะนอนหลับ
เพื่อนของบิดาตัดสินใจส่งตัวพัลลาดิโนไปอยู่กับย่าซึ่งเลี้ยงดูหลานอย่างทิ้งๆขว้างไม่สนใจใยดี หลายครั้งที่เพื่อนบ้านเห็นเด็กน้อยเล่นอยู่คนเดียวกลางถนนจนกระทั่งสมาคมสงเคราะห์ท้องถิ่นอดรนทนไม่ไหวรับตัวพัลลาดิโนไปเลี้ยงดู แต่ด้วยความที่พัลลาดิโนไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนทำให้เธอมีกริยามารยาทก้าวร้าวจนแม้แต่เจ้าหน้าที่สมาคมสงเคราะห์เองยังเอือมระอาติดต่อญาติให้มารับตัวกลับไป
ด้วยความสงสารเด็ก เพื่อนของครอบครัวๆหนึ่งยอมรับตัวพัลลาดิโนไปเลี้ยงดู ซึ่งพวกเขาก็เจอพิษสงของเด็กน้อยเช่นเดียวกัน ในที่สุดจึงตัดสินใจส่งตัวพัลลาดิโนไปเรียนโรงเรียนประจำในเมืองเนเปิลส์ โดยหวังว่าจะสามารถอบรมบ่มนิสัยเด็กเหลือขอคนนี้ได้และเมื่อจบการศึกษาจะได้ทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาล
เข้าวงการไสยศาสตร์
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เพื่อนของครอบครัวนี้แวะมาหาและชวนกันลองวิชาเข้าทรง โดยเชื่อว่าหากทำอย่างถูกวิธีโต๊ะที่นั่งล้อมวงกันจะขยับเขื้อยนได้โดยไม่มีใครแตะต้อง แต่หลังจากนั่งเพ่งกันอยู่นานนับชั่วโมงก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คนทั้งหมดปรึกษากันลงความเห็นว่าการเข้าทรงอาจจะยังไม่ครบองค์ประชุมจึงไม่มีอะไรเกิดขึ้น น่าจะลองให้พัลลาดิโนมาร่วมวงด้วยอีกสักคน พัลลาดิโนจึงถูกจับมาร่วมวงคนทรงเจ้าด้วยอีกคน ทันทีที่มีพัลลาดิโนมาร่วมวง โต๊ะก็เริ่มเขยื้อนไปมาก่อนลอยขึ้นจากพื้น จากนั้นพัลลาดิโนก็เล่นบทผีเข้าเพื่อดึงดูดความสนใจ ซึ่งมันก็ได้ผล ทุกคนลงความเห็นว่าพัลลาดิโนเป็นหัวใจสำคัญในการเข้าทรง ครอบครัวนี้จึงล้มเลิกความตั้งใจจะส่งเธอไปโรงเรียนประจำเพื่อใข้เธอเป็นร่างทรงที่บ้าน
ปี 1872 มิสซิสดามิอานิ (Damiani) สาวสังคมชั้นสูงในเมืองเนเปิลส์ ผู้สนใจเรื่องการเข้าทรงได้ติดต่อกับวิญญาณที่เรียกตัวเองว่าจอห์น คิง (John King) ได้รับคำแนะนำว่าให้ พัลลาดิโน สาวน้อยในเมืองแบริมาเป็นร่างทรงของเขา ขอให้มิสซิสดามิอานิไปตามหาตัวเธอมาด่วน
เด็กบ้านนอกสบโอกาสจะได้กรีดกรายอยู่กับสังคมชั้นสูงในเมืองใหญ่ หากแต่ด้วยกริยามารยาทเหลือรับประทานทำให้มิสซิสดามิอานิปฎิเสธที่จะร่วงวงศาคณาญาติ ยกเลิกความตั้งใจตามที่วิญญาณจอห์น คิงแนะนำ พัลลาดิโนจึงถูกส่งตัวกลับบ้าน
เตะตานักวิทยาศาสตร์
ดร.เออร์โคล ชิอาจา (Ercole Chiaia) นักวิทยาศาสตร์ผู้กำลังศึกษาเรื่องเหนือธรรมชาติซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ตอนทดสอบความสามารถของพัลลาดิโน เกิดติดอกติดใจและเชื่อว่าเธอมีความสามารถติดต่อกับวิญญาณได้จริง เขาได้เขียนจดหมายเล่าเรื่องราวถึงเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ ดร.ซีซาร์ ลอมโบรโซ (Cesare Lombroso) เพื่อเชื้อเชิญให้มาร่วมศึกษากรณีของพัลลาดิโน
จดหมายฉบับดังกล่าวถูกตีพิมพ์ในวาสารที่วางขายในกรุงโรมในปี 1888 ดร.ลอมโบรโซปฏิเสธคำเชิญ อย่างไรก็ตามเนื้อหาในวารสารทำให้ชื่อเสียงของพัลลาดิโนกลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว ในที่สุดดร.ลอมโบรโซก็ใจอ่อน ยอมเข้าร่วมทดสอบพลังเหนือธรรมชาติของพัลลาดิโน โดยเดินทางไปพบเธอในปี 1891
พิธีเข้าทรงถูกจัดในห้องในโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองเนเปิลส์ พัลลาดิโนถูกมัดตัวติดกับเก้าอี้ นั่งห่างจากม่านด้านหลังฟุตครึ่ง ดร.ชิอาจาและดร.ลอมโบรโซ นั่งขนาบข้างพัลลาดิโน เมื่อพิธีเริ่มขึ้นสักพักก็เกิดเสียงแปลกๆดังมาจากด้านหลังของพัลลาดิโน ม่านเริ่มขยับไปมาทั้งๆที่ปิดหน้าต่างอยู่ โต๊ะตัวเล็กที่มุมห้องถูกยกขึ้นและเลื่อนตรงมาหาพัลลาดิโน
ดร.ลอมโบรโซและผู้สังเกตุการณ์รีบตรงไปเลิกผ้าม่านดูว่ามีใครแอบซ่อนด้านหลังหรือไม่ แต่ไม่ปรากฎว่ามีใครแอบอยู่ สองนักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถให้เหตุผลอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาได้