"จา พนม" เข้าพิธีฉลองมงคลสมรส น้องบุ้งกี๋ เผยท้องแล้วเดือนกว่าๆ
ที่ ห้องเจ้าพระยา อาคารชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หอประชุมกองทัพเรือ พระเอกนักบู๊วัย 36 ปี ‘จา’พนม ยีรัมย์ เข้าพิธีสมรสกับ น.ส.ปิยรัตน์ โชติวัฒนานนท์ หรือ ‘น้องบุ้งกี๋’ อายุ 22 ปี ทายาทเจ้าของโรงแรมดรากอนบอล จ.ระยอง หลังคบหากันมาได้ 3 ปี โดยมี นายสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ประธานบริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นประธานในพิธี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่จะฉลองมงคลสมรส คู่บ่าวสาวได้เปิดใจต่อสื่อมวลชนที่มาร่วมทำข่าวเป็นจำนวนมาก โดยจากล่าวว่า ความจริงแล้วก่อนหน้านี้ เราได้มีพิธีหมั้นและแต่งงานกันไปเรียบร้อยแล้วที่โรงแรมของน้องบุ้งกี๋ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ปี 2553 ที่ผ่านมา แล้วจากนั้นวันที่ 29 ธ.ค. ปีเดียวกันก็ได้ไปจดทะเบียนสมรสที่จ.ระยอง แต่ที่มาฉลองมงคลสมรสกันในปีนี้ก็เนื่องจากว่า ที่ผ่านมาตนจะยุ่งในเรื่องของการถ่ายหนังเรื่อง ต้มยำกุ้ง ภาค 2 ซึ่งทางผู้ใหญ่ อย่างเสี่ยเจียงและญาติๆ ของทั้ง 2 ฝ่ายก็ได้คุยกัน และบอกว่าขอให้ฉลองในช่งวงที่สะดวกที่สุดดีกว่า ซึ่งในตอนนี้การถ่ายทำแม้จะมีอยู่ แต่ก็เป็นจังหวะที่เหมาะ จึงได้ฉลองมงคลสมรสกันวันนี้ วันนี้ยอมรับว่าตื่นเต้นมากๆ เพราะเป็นวันที่สำคัญมาก เป็นวันที่มีความสุข เป็นสิ่งที่เติมเต็มชีวิตของตน บวชตนก็ได้บวชแล้ว ชื่อเสียงต่างๆ ตนก็ได้ทำถึงขนาดให้ประเทศชาติแล้ว คิดว่าคงเป็นเรื่องการเบียด ซึ่งคือเรื่องของการแต่งงาน
“ที่ประทับใจน้องบุ้งกี๋ ก็เนื่องจากน้องเป็นคนดี วันที่ผมไปเจอน้องเขาเมื่อ 3 ปีก่อน ผมไปถ่ายหนังเรื่อง องค์บาก ภาค 3 แล้วเราก็ไปพักที่โรงแรม ได้เจอน้องเขาที่เป็นเจ้าของโรงแรม น้องเขาเอาสุกี้น้ำมาเสิร์ฟ เราเลยเกิดความชอบ และได้คุยกันเรื่อยมา น้องเป็นคนที่มีจิตใจดี ที่บ้านผมจะสอนไว้เสมอว่า ถ้าหากจะเลือกใครมาเป็นคู่ครอง พอเริ่มจะคบปุ๊บก็ให้พาเข้าวัด ซึ่งผมได้ลองทำตามนั้นในวันเคาน์ดาวน์ โดยไปร่วมสวดมนต์เคาน์ดาวน์กัน ซึ่งเราสวดตั้งแต่ตี 1 ถึง 7 โมงเช้า เขาก็อยู่กับผมได้ และที่ผ่านมาเวลาไปไหนมาไหน เราก็ไปด้วยกัน มีอะไรคล้ายๆ กัน แต่สิ่งที่เขามาช่วยเหลือผมได้อย่างมากคือเรื่องของการผ่อนปรน เพราะชีวิตผม เวลาทำงานจะค่อนข้างจริงจัง น้องก็จะมาช่วยผ่อนคลาย ทำให้ชีวิตผมเบาลง ที่ผ่านมาผมไม่ได้ปิดบัง ไปไหนมาไหนก็นำเขาไปด้วย ผู้ใหญ่เองก็รับทราบมาตลอด อย่างที่จ.สุรินทร์ บ้านเกิดผม ผมก็เคยพาเขาไป ครอบครัวของเราก็ชอบพอกันดี”
ด้านน้องบุ้งกี๋ กล่าวว่า พี่จาเป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดี คุยกันแล้วมีอะไรเหมือนๆ กัน พี่จามีมุมที่น่ารัก บางครั้งเห็นเขาทำงานอย่างเต็มที่ แต่มุมน่ารักของเขาก็ทำให้เราเซอร์ไพร์ส อย่างเช่นวันที่เขาขอตนแต่งงาน ตอนนั้นกำลังดูละครอยู่ ซึ่งในละครเขาขอแต่งงานกัน แล้วปรากฏว่าพี่จาก็คุกเข่าลงและขอแต่งงาน ตนหัวเราะและบอกว่าทำไมต้องทำตามละครด้วย ล้อเล่นหรือเปล่า พี่จาก็บอกว่าทำจริงๆ เรามาแต่งงานกันเถอะ
ผู้สื่อข่าวถามไปยัง จา ว่าอายุห่างกันขนาดนี้ มีปัญหาบ้างหรือเปล่า จากล่าวว่า ก็มีบ้าง เพราะเราเหมือนเป็นผู้ใหญ่และจริงจังกับงาน แต่เขายังเป็นเด็ก มีอารมณ์กุ๊กกิ๊ก ซึ่งตรงนั้นต้องปรับชีวิตเข้าหากัน และตอนที่เราคบกัน ด้วยความต่างกันแบบนี้ ทำให้เราเป็นที่ชื่นชอบของผู้ใหญ่ที่ได้พบเห็น และพ่อแม่ของน้องเองก็เปิดไฟเขียวให้ น้องไปไหนมาไหนพูดคุยสนุก ทำอาหารอร่อยให้กินอยู่เสมอ ซึ่งในชีวิตของผมไม่ค่อยได้มีแบบนี้
ต่อข้อถามว่า หลังจากแต่งงานแล้ว ในเรื่องการเล่นบู๊จะลดลงหรือไม่ พระเอกนักบู๊กล่าวว่า “ก็คงจะบู๊เหมือนเดิม เพราะเป็นสิ่งที่ชอบ แต่คงต้องระมัดระวังมากขึ้น และถ้ามีงานเรื่องต่อไป นอกจากบู๊แล้วคงจะเป็นเรื่องของความกุ๊กกิ๊กน่ารักมาใส่ในหนังด้วย เพราะเรามีแบบอย่างมาจากน้องบุ้งกี๋แล้ว น้องเข้ามาเติมเต็มในชีวิตของผม”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้มีเรือนหอกันหรือยัง จากล่าวว่า ไม่มี ก็อยู่กับพ่อแม่ของน้องไปก่อนที่จ.ระยอง เพราะน้องบุ้งกี๋ต้องช่วยดูแลกิจการของครอบครัว
ต่อข้อถามถึงเรื่องสินสอด นักบู๊หนุ่มกล่าวว่า เอาตามความเหมาะสม โดยเรื่องนี้ทางผู้ใหญ่เป็นคนจัดการให้
ผู้สื่อข่าวรายต่อว่าหลังจากที่ทั้งคู่ได้ให้สัมภาษณ์จบลง สื่อมวลชนก็ถ่ายรูปกันอย่างเต็มที่ ก่อนที่บ่าวสาวจะเข้าไปเตรียมตัวเพื่อรับแขก ในช่วงต่อมา ผู้สื่อข่าวได้สอบถามพระเอกบู๊ในเรื่องการมีทายาท เนื่องจากสังเกตเห็นท้องของฝ่ายจ้าสาวโตผิดปกติ ซึ่งพระเอกนักบู๊กล่าวอย่างไม่ปิดบังว่า
ตอนนี้น้องบุ้งกี๋มีน้องได้เดือนกว่าๆ แล้ว ซึ่งตอนนี้ไปตรวจครรภ์และฝากท้องแล้วที่โรงพยาบาลเวชธานี เป็นการท้องที่พวกตนได้เข้าพิธีแต่งงานกันมาแล้ว ซึ่งตอนแรกเราทำกันแบบเรียบง่าย เพราะยังอยู่ในช่วงที่เราถ่ายหนัง ต้มยำกุ้ง ภาค 2 และผมเป็นผู้ชายก็อยากให้เกียรติผู้หญิง ทำอย่างถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า นาทีที่รู้ว่ามีน้อง รู้สึกอย่างไร พระเอกนักบู๊กล่าวว่า ดีใจมากๆ ผมรู้สึกว่าตอนนั้นผมไม่ได้เป็นคนแล้ว แต่ผมเป็นพ่อคน เราเต็มใจที่จะให้เขาเกิดมา มันเป็นเหมือนมีพลัง ทำให้ผมต้องทำอย่างอื่นต่อไปอีกมากมาย
ต่อข้อถามว่า ลูกคนแรกทราบหรือยังว่าเป็นหญิงหรือชาย จากล่าวว่า ยังไม่ทราบ แต่ถ้าถามว่าอยากได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย ในใจตนเองก็อยากได้ผู้ชายก่อน และอีกคนเป็นหญิงก็จะโอเคเลย ซึ่งก็ต้องลุ้นกันต่อไปว่าจะเป็นหญิงหรือชายสำหรับลูกคนแรก