นักวิจัยที่ทำการศึกษา "Ötzi" (เอิตซี) หรือ"มนุษย์น้ำแข็ง" ที่มีอายุกว่า 5,300 ปี ที่ถูกพบในเขตเทือกเขาแอลพ์ในอิตาลี ค้นพบร่องรอยของเซลล์เม็ดเลือดแดงรอบบาดแผลเป็นครั้งแรก

ทั้งนี้ เชื่อกันว่า เซลล์เลือดดังกล่าวน่าจะแตกตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการสแกนหาเซลล์เลือดก่อนหน้านี้ไม่พบร่องรอยใดๆ

โดยผลการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสารเจอร์นัล ออฟ เดอะ รอยัล โซไซเอตตี้ อินเตอร์เฟซ วานนี้ (1 พ.ค.)ระบุว่า การค้นพบครั้งนี้ ถือเป็นการค้นพบเซลล์เม็ดเลือดแดงที่มีอายุที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา หลังจากที่มีผู้บังเอิญค้นพบซากมัมมีของมนุษย์น้ำแข็งรายนี้ บริเวณเทือกเขาแอลพ์ บริเวณพรมแดนอิตาลี-ออสเตรีย เมื่อปี 1991

ซึ่งจากการวิเคราะห์ร่างดังกล่าว ซึ่งมีการผุพังน้อยมาก เนื่องจากถูกแช่แข็งเป็นเวลานาน พบว่า น่าจะเป็นเพศชายที่มีอายุราว 45 ปี และอาหารมื้อสุดท้ายที่เขารับประทานคือเนื้อกวางสดและขนมปังธัญพืช และสาเหตุของการตายคือการถูกธนูปักเข้าที่บ่า และตัดเส้นเลือดแดงที่นำเลือดแดงออกจากหัวใจ แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดเคยพบคราบเลือดหรือเซลล์เม็ดเลือดแดงมาก่อน

อัลเบิร์ต ซิงค์ นักชีวโบราณคดี จากสถาบันโบเซน/บอลซาโน ที่การศึกษากระทั่งพบร่องรอยเซลล์เม็ดเลือดแดงกล่าวว่า นี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ เนื่องจากไม่มีใครคาดมาก่อนว่าจะได้พบเซลล์เม็ดเลือดแดงที่สมบูรณ์ และพบว่า มันมีลักษณะคล้ายคลึงกับเซลล์เม็ดเลือดของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน และมีขนาดเท่ากัน

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซิงค์และนักวิจัยรายอื่นจากสถาบันศึกษามัมมีและมนุษย์น้ำแข็งยูแรค ได้ทำการตัดตัวอย่างชิ้นเนื้อจากบาดแผลของ Ötzi ไปวิเคราะห์ รวมถึงบาดแผลบริเวณมือ โดยใช้กล้องจุลทรรศน์ และพบ วัตถุทรงกลมที่คล้ายคลึงกับเซลล์เม็ดเลือดแดง แต่เพื่อความแน่ใจกว่านี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ใช้เทคนิค Raman Spectroscopy หรือการวิเคราะห์หาหมู่ฟังก์ชัน และโครงสร้างทางเคมีของสาร ผลการวิเคราะห์ชี้ว่า เซลล์ดังกล่าวคือเซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งรวมถึงฮีโมโกลบิน หรือเม็ดสีนำอ๊อกซิเจนที่อยู่ในเซลล์ของเม็ดเลือดแดง

เขากล่าวว่า เซลล์เม็ดเลือดดังกล่าวมีลักษณะเช่นเดียวกับเซลล์เม็ดเลือดแดงทั่วไป คือมีรูปทรงคล้ายโดนัท และมีขนาดเท่ากับของยุคปัจจุบัน พวกเขาจึงแน่ใจว่านี่เป็นเซลล์เม็ดเลือดแดงของมนุษย์ที่ถูกรักษาไว้มานานกว่า 5,000 ปี