ใกล้บ้านนายกฯ ลุยค้นเพิ่ม5จุด บ้านผู้คุมนครฯ คุ้ยคุกศรีสะเกษ เจอทั้งยา-มือถือ
นครบาลจับยาบ้าเกือบ2ล้านเม็ด ผงะรวบล้านเม็ดมูลค่ากว่า300ล้าน ซุกบ้านหรูห่างบ้านนายกฯปูเพียง300เมตร เหลิมหนุนตชด.ช่วยคุมคุก เผยคำมะนวยมีหมายจับศาลไทย หากเข้ามาในประเทศจับแน่นอน ปัดไม่พูดเรื่องปิดด่านแม่สอด ขยายผลคุกนครฯ ค้น 5 จุด ทั้งบ้านอดีตผู้คุม และบริษัทรับเหมารับงานซ่อมคุก เจอเอกสารทางการเงินเพียบ พร้อมโทรศัพท์-ไอโฟนห่ออย่างดีเหมือนเตรียมปาเข้าเรือนจำ อดีตผู้คุมแฉอีก มีขบวนการกินตรวน รับเงินค่าปลดตรวนด้วย ศรีสะเกษค้นคุกเจอยา-มือถือ พิจิตรสั่งคุมเข้มหลังพบโยนมือถือเข้าคุก
จับยาบ้าล้านเม็ดซุกใกล้บ้านปู
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 2 พ.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พร้อมด้วยพล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ รองผบช.น. พล.ต.ต.สุรพล ทวน ทอง รองผบช.ปส. ร่วมด้วยชุดสืบสวนสอบสวน บช.ปส. บก.น.3 บก.น.7 บก.น.9 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติดทั้งหมด 4 คดี รวมของกลางเป็นยาบ้า 1,706,000 เม็ด และยาไอซ์จำนวนหนึ่ง
โดยคดีแรกสามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายชาญณรงค์ หรือชาณณรงค์ หรือ คม จอมบุญเรือง อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91/1 ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย และนายกฤษณธร หรือวิจิตร ภัทรนนท์วงศา อายุ 37 ปี บ้านเลขที่ 219/4 ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมของกลาง ยาบ้าเม็ดสีส้มบนเขียวปะปนเล็กน้อย 1 แสนเม็ด ที่ซุกซ่อนอยู่ในเป้สีดำวางอยู่ภายในรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้าซีวิค ทะเบียน ฎจ 6255 กทม. และอีก 920,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในถุงดำ วางอยู่บนชั้น 2 บ้านเลขที่ 155 ม.พฤษาทาวน์ฟรีเว่ ซอยนวมินทร์ 111 แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ เพียง 300 เมตรเท่านั้น โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง และทรัพย์สินที่ยึดอายัดเพื่อตรวจสอบ เป็นเงินสด 1,400,000 บาท รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า เลขทะเบียน วษ 6635 กทม. 1 คัน ราคาประมาณ 600,000 บาท ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง หมู่บ้านคุณาภัทร ราคาประมาณ 3 ล้าน และบัตรเอทีเอ็ม 32 ใบ และสมุดบัญชี 11 เล่ม มีเงินหมุนเวียนรวมกัน 100 ล้านบาท
ชี้โยงแก๊งยาภาคเหนือ
พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองผบช.ปส. กล่าวว่า ภายหลังจากได้รับแจ้งจากสายลับเมื่อวันที่ 28 เม.ย. เวลา 18.30 น. จะมีการนัดส่งมอบยาเสพติด บริเวณภายในซอยนวมินทร์ 111 โดยจะมีรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ 4 ประตู สีขาว รุ่นดีแมคซ์ ป้ายแดงทะเบียน ศ 9363 กทม. ใช้ ลำเลียงยาเสพติด จึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ซุ่มเฝ้าดู จนกระทั่งพบรถต้องสงสัยดังกล่าว ไปพบนายชาญณรงค์ใช้รถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต ทะเบียน วว 8426 กทม. จอดรออยู่ จากนั้นมีชายต้องสงสัยเดินมาหยิบกระเป๋าที่อยู่หลังกระโปรงท้ายไปแล้วใส่ไว้ในรถกระบะอีซูซุ แล้วขับแยกย้ายมุ่งหน้าไปซอยลาซาล แล้วขับรถด้วยความเร็วหลบหนีไป
"ส่วนนายชาญณรงค์ได้ขับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิคมาไว้ริมถนนหน้าบ้านห่างประมาณ 1 ก.ม. จากนั้นจึงได้นั่งแท็กซี่ไปเก็บของภายในบ้านแล้วจึงขับรถยนต์คันดังกล่าวไปพักที่ห้องย่านลาดพร้าวซอย 130 จนวันต่อมา นายชาญณรงค์ออกมาจากบ้าน พร้อมกับหยิบกระเป๋าที่มียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ แล้วขับออกมาด้านหน้าหมู่บ้านพฤษาทาวน์ฟรีเว่ เพื่อไปส่งมอบให้นายกฤษณธร เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น ผู้ต้องหาจึงให้การรับสารภาพว่า นายกฤษณธรเป็นผู้ส่งการ จนกระทั่งสามารถตามไปจับกุมได้ที่บ้านพักดังกล่าว ทั้งนี้คดีนี้เชื่อมโยงกับแก๊งค้ายาภาคเหนือได้" รองผบช.ปส.กล่าว
จับยาได้อีกเพียบ
นอกจากนี้ ชุดสืบสวนบก.น.9 สามารถจับ กุมน.ส.ธัญญาเรศ หรือโอ๋ สำราญมาก อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 140 หมู่ 6 ต.สระยายโสม อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ผู้ต้องหาค้ายาเสพติด พร้อมของกลางยาบ้า 250 มัด รวม 500,000 เม็ด ยาไอซ์น้ำหนัก 8 กิโลกรัม รวมมูลค่ายาเสพติด 124 ล้านบาท และอาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ (ลูกซองเบอร์ 12) 1 กระบอก พร้อมกระสุน 8 นัด โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บ้านเลขที่ 150/113 หมู่บ้านสินทวีแกรนด์ วิลเลจ ซ.อนามัยงามเจริญ 19 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กทม.
ส่วนบก.น.7 จับกุมผู้ต้องหาจำหน่ายยาเสพติดรายใหญ่คือ นายเอกชัย หรือเอก จองเดิน อายุ 29 ปี และน.ส.วิภาวดี หรือเอ๋ ผลสวัสดิ์ อายุ 29 ปี พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) 186,000 เม็ด ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) 4 กิโลกรัม รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีดำ หมายเลขทะเบียน ฎถ 3263 กทม. โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง อาวุธปืนอัดลมยาว 1 กระบอก บัตรเอทีเอ็ม 2 ใบ และสมุดบัญชีธนาคาร 3 เล่ม โดยเป็นชื่อบัญชีของน.ส.วิภาวดีทั้งหมด โดยจับกุมตัวได้ที่ห้องเช่าบ้านเลขที่ 5 ซ.วัดราชาธิวาส ถ.สามเสน 9 แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กทม.
ชุดสืบสวนของบก.น.3 สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาค้ายาเสพติด 1 ราย คือ นายวสุพล หรือไมค์ แก้วกระจ่าง อายุ 26 ปี บ้านเลขที่ 66/2 หมู่ที่ 2 ต.ยายแพง อ.บางคนที จ.สมุทรสาคร พร้อมของกลางเป็นยาไอซ์เกล็ดสีขาว จำนวน 3.117 กิโลกรัม เครื่องชั่งน้ำหนักยี่ห้อทานิต้า 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟนทั้งหมดจะสืบสวนขยายผลต่อไป
เหลิมหนุนส่งตชด.ช่วยคุมคุก
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เรื่องยาเสพติดในเรือนจำจ.นครศรีธรรมราชนั้น ให้กำลังตำรวจตชด. 450 นาย ไปช่วยเพราะกำลังของผู้คุมเหนื่อยล้า และได้สั่งให้ป.ป.ส.ไปขยายผลเรือนจำนครศรีฯ ให้เช็กข้อมูลการโทร.ของโทรศัพท์ทั้งหมดว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างไร หากสาวถึงใครให้ดำเนินการยึดทรัพย์
ยัน′นะคำนวย′มีหมายจับไทย
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวถึงกรณีพล.ต.นะคำนวย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพและกะเหรี่ยงโกะทูบลอ หรือเคเอโอ ซึ่งศาลไทยออกหมายจับและขึ้นบัญชีเป็นนักค้ายาที่ทางการไทยต้องการตัวมาดำเนินคดีว่า เรื่องนี้ศาลไทยออกหมายจับตั้งแต่ปี 2546 แล้ว เจ้าหน้าที่ก็รวบรวมหลักฐานจนศาลออกหมายจับได้ จึงไม่เกี่ยวกับตนที่จะต้องเจรจากับพล.ต.นะคำนวย อย่างไรก็ตาม หากพล.ต.นะคำนวยเข้ามาประเทศ ไทยก็ต้องจับกุม หากจะไปฟ้องศาลระหว่างประเทศ ก็คงไม่รับฟ้อง คงฟ้องได้แต่ศาลพระภูมิ การออกมาแถลงของพล.ต.นะคำนวยคงเป็นการแก้เกี้ยวไป
บิ๊กอ๊อบชี้ตชด.คุมนอกคุกเท่านั้น
เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรมราช ทัณฑ์ทำหนังสือด่วนถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อขอกำลังตชด.ช่วยลาดตระเวน ดูแลป้องกันสิ่งผิดกฎหมายในเรือนจำสำคัญ ว่า ความจริงเรื่องของเรือนจำเป็นหน้าที่ของราชทัณฑ์ เพราะเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยม คงไม่มีอะไรยากเย็นหากเข้มงวดกวดขันจริงๆ แต่ถ้านักโทษจะแหกคุกก็ต้องขอกำลังตชด.หรือทหารไปช่วย คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นมากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากขอให้ตชด.ช่วยลาดตระเวนในพื้นที่รอบนอกเรือนจำ ผบ.ตร.กล่าวว่า ถ้าเป็นเรื่องอย่างนี้ เรือนจำขอความร่วมมือมาได้ ประสานงานกันได้ไม่น่ามีปัญหา ตอนนี้ที่เขตอื่นยังไม่มีปัญหาทราบว่ามีที่นครศรีธรรม ราชเท่านั้น
เชื่อขอตัวหน่อคำไม่มีปัญหา
เมื่อถามถึงการขอตัวนายหน่อคำ หัวหน้าโจรสลัดที่เรียกค่าคุ้มครองในแม่น้ำโขง จากทางการลาวที่จับกุมตัวได้ เพื่อนำมาดำเนินคดีในประเทศไทย ผบ.ตร.กล่าวว่า กรณีของนายหน่อคำ มีหมายจับมานานแล้ว ตนกำลังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจค้นหาหมายจับดังกล่าวอยู่ ไม่เกี่ยวกับคดีการปล้นฆ่าลูกเรือชาวจีน เนื่องจากยังไม่ได้ออกหมายจับนายหน่อคำ ทั้งนี้เราส่งเรื่องไปยังทางการลาวแล้วเพื่อขอตัวนายหน่อคำมาดำเนินคดีในไทย ขณะเดียวกันประเทศจีนก็ประสานกับทางการลาวเพื่อขอตัวนายหน่อคำเช่นกัน เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้ยากหรือไม่ที่ไทยจะได้ตัวนายหน่อคำเข้ามา ผบ.ตร.กล่าวว่า เมื่อดูตามขั้นตอนแล้วคิดว่าไม่น่าจะยากอะไร เพราะนายหน่อคำเป็นคนร้ายในคดีค้ายาเสพติด ไม่มีเรื่องเกี่ยวข้องการเมือง
ศรีสะเกษค้นคุกเจอยา
ที่จ.ศรีสะเกษ เมื่อเวลา 05.00 น. ที่เรือนจำ อ.กันทรลักษ์ พ.ต.อ.ประการ ประจง รอง ผบก. ภ.จว.ศรีสะเกษ พร้อมด้วยพ.ต.อ.มงคล ลิ้มสุวรรณ ผกก.สภ.กันทรลักษ์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ศรีสะเกษ และตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรจาก 11 อำเภอ ประมาณ 500 นาย บุกเข้าตรวจค้นภายในบริเวณเรือนจำอำเภอกันทรลักษ์
โดยเจ้าหน้าที่ตรวจค้นภายในเรือนนอน ตู้เก็บสิ่งของต่างๆ ทุกแห่ง ผลการตรวจค้นพบยาบ้าเม็ดสีส้ม 95 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ใต้ที่นอนของนักโทษรายหนึ่ง และพบโทรศัพท์มือ 4 เครื่อง ซิมการ์ดโทรศัพท์ เมมโมรี่การ์ด 1 อัน อุปกรณ์ เสพยาบ้า 2 ชุด ของมีคมและอาวุธปลายแหลม 36 ชิ้น ชุดหูฟังโทรศัพท์ 2 ชุด และเครื่องชาร์จโทรศัพท์ 1 ชุด นอกจากนี้แล้ว ยังได้ตรวจปัสสาวะเบื้องต้นของนักโทษพบว่า มีผลบวกทั้งสิ้น 37 ราย
ลุย 5 จุดขยายผลคุกนครฯ
ส่วนที่จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรม ราช พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก. สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พ.ต.ท.โชคดี ศรี เมือง รอง ผกก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช นำกำลังเจ้าหน้าที่ กก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช แบ่งเป็น 5 ชุดปฏิบัติการ นำหมายค้นของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 5 จุด ภายในเขตอำเภอเมืองพร้อมกัน ประกอบด้วยบ้านไม่มีเลขที่ในซอยหอไตร 4 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านของผู้คุมเรือนจำนครฯ รายหนึ่ง โดยตรวจยึดเอกสารทางการเงินต้องสงสัยหลายชิ้น มีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารจำนวนมาก และจับกุมนายสนไช นันทะชิน อายุ 41 ปี อยู่ 103 ม.7 ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และนายทอน (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ในบ้านหลังดังกล่าว พร้อมตั้งข้อหาครอบครองยาเสพติด โดยของกลางเป็นยาไอซ์ชนิดเกล็ด 14 กรัม มูลค่า 500 บาท กระสุนปืนขนาด 11 ม.ม. จำนวนหนึ่ง ใบกระท่อมพร้อมหม้อต้มกระท่อม
บุกบ้านผู้คุม-ของกลางเพียบ
จุดที่ 2 คือ บ้านของนายไก่ (นามสมมติ) เลขที่ 1034/11 ถ.พระเงิน ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์อยู่ในระหว่างถูกคำสั่งพักราชการ จากฐานความผิดวินัยร้ายแรง โดยยึดของกลางเป็นเอกสารหลักฐานทางการเงิน อาวุธปืนลูกซองยาว ปืนยาวขนาด .22 ปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม.และขนาด .38 กระสุนปืนจำนวนมาก
จุดที่ 3 เป็นบ้านเลขที่ 122/2 ต.นาสาร อ.พระ พรหม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านพักของผู้กว้างขวางรายหนึ่งในพื้นที่ ซึ่งพบว่ามีความเชื่อมโยงในการส่งโทรศัพท์มือถือและของต้องห้ามเข้าเรือนจำ พบนายณรงค์ เกตุบูรณ์ อายุ 33 ปี อยู่ 27 ม.5 ต.ชะมาย อ.ทุ่งสง จ.นครศรี ธรรมราช เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีพยายามฆ่า จึงจับกุมตัวไว้ และค้นพบโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ไอโฟน 1 เครื่อง ถูกมัดห่อกันกระแทกไว้เป็นอย่างดีลักษณะเดียวกันกับที่ขว้างเข้าไปในเรือนจำ แต่นายณรงค์ปฏิเสธไม่รู้เห็นอ้างว่าเป็นโทรศัพท์ที่นำมาซ่อม
บริษัทรับเหมาก็ด้วย
จุดที่ 4 เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ตั้งอยู่ในซอย สช.1 ถ.พัฒนาการคูขวาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยผู้บริหารเคยเป็นอดีตผู้สมัครส.ส.พรรคการเมืองขนาดเล็กรายหนึ่ง และอยู่ในระหว่างต้องคดีฆ่าผู้อื่นอีกด้วย และเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการรับเหมาก่อสร้างห้องขังเดี่ยว 10 ห้อง 1 หลังในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบริษัทที่นำวัสดุก่อสร้างซุกซ่อนโทรศัพท์มือถือ 39 เครื่องก่อนหน้านี้ พบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการรับเหมาในเรือนจำจำนวนหนึ่ง
จุดที่ 5 เป็นบ้านของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่อยู่ในระหว่างพักราชการในระหว่างการสอบสวนวินัยร้ายแรง เลขที่ 196/5 ม.5 ต.พรหมโลก อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช โดยเจ้าหน้าที่ดังกล่าวเป็นพี่ชายของภรรยา นักค้ายาเสพติดรายใหญ่คนหนึ่งในนครศรีธรรมราช ที่ถูกยิง ถล่มเสียชีวิตไปในเขตท้องที่ สภ.เมืองนครศรี ธรรมราช เมื่อหลายวันก่อน
อดีตผู้คุมพร้อมให้การ
ด้านนายทอม (นามสมมติ) เจ้าหน้าที่ราช ทัณฑ์ที่อยู่ระหว่างต้องโทษทางวินัยพักราชการ ระหว่างการสอบสวนวินัยร้ายแรง ซึ่งถูกค้นบ้านพร้อมยึดอาวุธปืน เอกสารต่างๆ มาตรวจสอบ และถูกเชิญตัวมาให้ข้อมูลกับพ.ต.ท.โชคดี รอง ผกก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ยอมเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด โดยระบุว่า "ยอมเปิดเผยทุกอย่างด้วยความสัตย์จริง แต่ตำรวจต้องช่วยรักษาชีวิตด้วย"
โดยระบุว่า ก่อนหน้านี้เข้าไปทำงานด้วยความซื่อตรง แต่หลังจากนั้นเกิดไปสร้างความไม่พอใจกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงกว่า เพราะไม่รู้ว่ามีขบวนการ"กินตรวน" จึงทำเรื่องเสนอให้ปลดตรวนนักโทษที่มีความประพฤติดีที่ตนดูแล ทำให้ผู้คุมบางคนไม่พอใจ เพราะการปลดตรวนได้ ญาตินักโทษจะต้องจ่ายเงินค่าปลดเส้นละ 3-5 พันบาท
สั่งจู่โจมค้นคุกซ้ำทุกเวลา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความเคลื่อน ไหวที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ช่วงเช้า นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำนครศรีธรรมราช เรียกประชุมข้าราชการระดับบริหารทุกส่วนในเรือนจำเพื่อสรุปถึงข้อหารือ 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ผบ.เรือนจำกลางนคร ศรีธรรมราช เพื่อแจ้งให้ทุกนายทราบพร้อมทั้งให้นโยบายที่เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น โดยการเน้นตรวจค้นแบบฉับพลันทุกเวลา โดยเจ้าหน้าที่พร้อมที่จะเข้าตรวจค้นเรือนนอน หรือในแดนช่วงเวลาไหนก็ได้โดยไม่ปฏิบัติเป็นเวลาเดียวกัน ทำให้นักโทษไม่มั่นใจที่จะเก็บสิ่งของต้องห้ามไว้ ขณะเดียวกันตรวจสอบอัตราข้าราชการราชทัณฑ์ที่ประจำการ ต้องโทษทางวินัย ต้องคำสั่งปฏิบัติราชการนอกเรือนจำ เพื่อที่สรุปยอดและเสนอไปยังกรมราชทัณฑ์ในการขออัตรากำลังเพิ่มเติมต่อไป
ตรวจเจอมือถืออีก
นายสุรพลกล่าวถึงกรณีที่อดีตผู้คุมเรือนจำ ซึ่งถูกพักราชการไปประมาณ 1 ปีที่ผ่านมาคนหนึ่ง ออกมาแฉถึงขบวนการกินตรวนในเรือนจำกลางนครฯ ว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องนี้เพราะคนที่พูดเป็นอดีตผู้คุมที่ถูกออกไปก่อนหน้าเรื่องนี้ และตั้งแต่มารับตำแหน่งรวมวันนี้เพียง 3 วันเท่านั้น ยังไม่เห็นผู้คุมรายงานให้ทราบ คงจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป ตอนนี้ค่อนข้างมึนกับเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ แต่ก็พร้อมที่จะลุยกวาดล้างอย่างเต็มที่ อย่างการตรวจค้นภายในเรือนจำเราก็ตรวจทุกวันอยู่แล้ว วันที่ 2 พ.ค. ก็ตรวจซ้ำอีก และพบโทรศัพท์มือถืออีก 2-5 เครื่อง ซึ่งตรวจทุกวันก็พบทุกวัน แต่น้อยลงกว่าที่ผ่านมาเพราะนักโทษเริ่มไม่กล้าเอาออกมา ทำให้การตรวจค้นพบน้อยลง
พิจิตรเจอบ้าง-ปามือถือเข้าคุก
ที่จ.พิจิตร เมื่อเวลา 14.00 น. นางสุจิตรา เหลืองวัฒนะนันท์ ผบ.เรือนจำจังหวัดพิจิตร นำเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองพิจิตร เข้าตรวจสอบภายในเรือนจำ หลังรับแจ้งจากผู้คุมว่ามีชายวัยรุ่น 2 คนใช้รถจักรยานยนต์ สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนขับมาจอดริมกำแพงของเรือนจำ ก่อนที่จะขว้างโทรศัพท์มือถือ และยาเสพติดซุกซ่อนอยู่ในถุงเท้ามัดด้วยก้อนอิฐข้ามกำแพงเรือนจำ ให้กับผู้ต้องขัง แต่สิ่งของดังกล่าวกระเด็นไปตกที่ลานด้านหน้าเรือนนอนของผู้ต้องขังแดนชาย เจ้าหน้าที่จึงสามารถตรวจยึดสิ่งของดังกล่าวได้ โดยพบว่าเป็นโทรศัพท์มือถือโนเกีย พร้อมอุปกรณ์ชาร์จ ยาบ้า 17 เม็ด ยาไอซ์ 2 กรัม ซึ่งเจ้าหน้าที่นำซิมการ์ดในโทรศัพท์ไปตรวจสอบต่อไป