เมื่อ 3 พ.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีคนถูกรุมไล่ทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บบริเวณถนนบรมไตรฯ 2 มุ่งหน้าไปไฟแดงหนองอ้อ ใกล้เคียงทางเข้าวัดใหม่พันปี หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่พร้อมสายตรวจรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาย ทราบชื่อคือนายปรีชา นุชมี อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100/182 ม.2 ต.วัดจันทร์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก นั่งพักอยู่หน้าบ้านเลขที่ 1115 ถ.บรมไตรฯ 2 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก

สภาพบาดแผลตามร่างกายพบแผลถูกของแข็งตีเข้าที่ศีรษะด้านหลังถูกของมีคมแทงลึก และบริเวณท้ายทอยและทั่วแผ่นหลังมีรอยถูกตีเป็นรอยฟกช้ำ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 100 เอส สีเทาดำ หมายเลขทะเบียน ขนท241 พิษณุโลก ล้มคว่ำอยู่ในพงหญ้าข้างถนน ตรวจสอบเป็นรถจักรยานยนต์ของผู้ได้รับบาดเจ็บ ใกล้กันบนพื้นถนนพบกรรไกรขนาดใหญ่ด้ามสีแดงตกอยู่และบริเวณเกาะกลางถนนใกล้เคียงจุดเกิดเหตุพบท่อนไม้ตกอยู่เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

นายปรีชา เล่าว่า ขณะที่ตนขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อเดินทางกลับที่พักและขับขี่มาถึงที่เกิดเหตุ เห็นว่ามีผู้หญิงสวมเสื้อยืดสีขาวยืนอยู่ริมถนนโบกมือคล้ายขอความช่วยเหลือ จึงจอดรถโดยไม่ดับเครื่องยนต์เพื่อสอบถาม โดยผู้หญิงคนดังกล่าวได้สอบถามว่าจะขี่รถไปข้างหน้าหรือเปล่า ขณะที่จอดรถจักรยานยนต์สอบถามอยู่นั้นตนสังเกตุเห็นว่ามีคนร้ายเป็นชายจำนวน 3 คน วิ่งออกมาจากมุมมืดจากด้านหลังพร้อมกับใช้ไม้ตีที่บริเวณศีรษะและมีคนเข้ามารุมชกต่อยใช้ขวด และอาวุธทำร้าย

ตนจึงต้องวิ่งหนี และทิ้งรถจักรยานยนต์ข้ามเกาะกลางถนนเพื่อเอาตัวรอดพร้อมตระโกนร้องขอความช่วยเหลือจากประชาชนละแวกนั้น และได้ยินเสียหนึ่งในคนร้ายตระโกนบอกว่าให้เอารถจักรยานยนต์ไป ส่วนคนร้าย 2 คนได้ขี่รถจักรยานต์ไปดักข้างหน้าหวังทำร้าย แต่มีชาวบ้านในละแวกจุดเกิดเหตุได้เปิดไฟจนสว่าง ทำให้คนร้ายทั้งหมดขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีกันไปก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินทางมาถึง

เบื้องต้นจากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า กลุ่มคนร้ายเป็นแก็งชิงทรัพย์จากเหยื่อ โดยก่อนเกิดเหตุ ได้ซุ่มอยู่ในมุมมืดแล้วให้ผู้หญิงเป็นนกต่อ คอยโบกคนขี่รถจักรยานยนต์ที่ขับขี่ผ่านไปมาเพื่อที่จะให้จอดรถ จากนั้นก็เข้าทำร้ายเหยื่อ และชิงทรัพย์จากเหยื่อ ซึ่งคาดว่าคนร้ายน่าจะก่อเหตุมาแล้วหลายราย แต่รายนี้ได้มีชาวบ้านช่วยเหลือได้ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนหากลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุกับประชาชนรายอื่นต่อไป