วันนี้ (1 พ.ค. ) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.ภ.1  พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.ภ.1 และพล.ต.ต.สมิทธิ มุดาสนิท ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี  แถลงจับกุมผู้ต้องหาร่วมกันลักลอบขายหัวกะโหลกนำไปประกอบพิธีกรรมไสยศาสตร์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คน ได้แก่นายศิงขร หรือ อ.พจน์ เครือแดง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 168 หมู่3 ต.บึงน้ำรักษ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี อาชีพรับประกอบพิธีกรรมไสยศาสตร์   นายนิพนธ์ หรือปั๊ม ศรีสุข อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/12  หมู่ 6  ต.บึงน้ำรักษ์  อาชีพช่างปูกระเบื้อง และนายวรเชษฐ์ หรือปาร์ค ถาวรเพียร อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77/22 หมู่6 ต.บึงน้ำรักษ์ อาชีพรับจ้างทั่วไป พร้อมของกลางเศษกระดูกหัวกะโหลกที่ตกแต่งแล้ว 6 ชิ้น  เศษขี้เถ้าศาลพระภูมิ  2 กระสอบ เลื่อยไฟฟ้า 1 อัน  หนังสือตำราไสยศาสตร์  8 เล่ม กระดาษรูปอักขระและอุปกรณ์อื่นๆจำนวนมาก โดยจับกุมผู้ต้องหา และตรวจยึดของกลางได้ขณะตำรวจสภ.ธัญบุรี และ กก.สส.ภ.จว.ปทุมธานีนำหมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรี เลขที่ 421/2555 ลงวันที่  30 เม.ย.55 ค้นบ้านพักนายศิงขร

พล.ต.ต.คำรณวิทย์ กล่าวว่า  สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 เม.ย.  ที่ผ่านมา มีคนพบหัวกะโหลกบรรจุกระสอบปุ๋ยลอยน้ำมาติดตอม่อใต้สะพานข้ามคลอง 13 ถนนรังสิต-นครนายก  ต.บึงน้ำรักษ์  สร้างความหวาดผวาให้ประชาชนที่พักอาศัยย่านนั้น จึงสั่งการชุดสืบสวนบก.สส.ภ.1 ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี ลงพื้นที่หาข่าว กระทั่งเมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สืบทราบเบาะแสจากสายลับว่ามีผู้พบเห็น นายวรเชษฐ์ เป็นผู้จัดหาหัวกะโหลกขายหมอไสยศาสตร์รายหนึ่ง จึงนำตัวมาสอบปากคำและยอมรับว่านำหัวกะโหลกไปขายจริง โดยร่วมกับเพื่อนอีกคนชื่อนายธวัชชัย หรือบี อ่อนสมทรง ผู้ต้องหาอีกหนึ่งราย ที่กำลังหลบหนีอยู่  ขโมยหัวกะโหลกมาจากโกดังเก็บศพวัดพิชิตปิตยาราม คลอง 13 ต.บึงน้ำรักษ์ นำไปขายนายศิงขร   ที่ตั้งตัวเป็นหมอไสยศาสตร์ย่าน อ.ธัญบุรี  ในราคา 1,200 บาท และนำเงินที่ได้มาแบ่งกันซื้อยาบ้าเสพ  ทำมาตั้งแต่ต้นเดือนก.ย.54

ตำรวจ จึงนำหมายค้นเข้าตรวจสอบบ้านพักพร้อมจับกุมนายศิงขร ที่ตั้งตนเป็นจอมขมังไสยเวทย์  พร้อมรับสารภาพว่ารับซื้อหัวกะโหลกมนุษย์ จากนายวรเชษฐ์ จริง และหัวกะโหลกที่พบอยู่ที่ตอม่อสะพานข้ามคลอง 13 นั้น ได้ขโมยมาจากสุสานเม่งหุย (มูลนิธิไตรสรณะพุทธสมาคม) จ.ชลบุรี นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังตรวจยึดของกลางเป็นเศษกะโหลก รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบพิธีกรรมคุณไสยจำนวนมาก 

ส่วนกำลังอีกชุด ไปจับกุมนายนิพนธ์ หรือ ปั้ม ผู้ต้องหาอีกหนึ่งรายที่อยู่ในขบวนการนี้ มีหน้าที่เจียรกระดูกหัวกะโหลก โดยใช้เครื่องเจียรไฟฟ้าเจาะกระดูกบริเวณกระหม่อม ให้เป็นชิ้นส่วนออกมา นำมาให้นายศิงขรประกอบพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ เรียกว่า “ปั้นเหน่ง”  ใช้ทำคุณไสย หรือยาเสน่ห์ยาแฝด

ต่อมาได้นำตัว นายศิงขร ไปชี้จุดที่ขโมยหัวกะโหลกทั้ง 5 หัว ที่สุสานเม่งหุย ผู้ต้องหาอ้างว่าลักขโมยหัวกะโหลกมาทั้ง 5 หลุม ตรวจสอบทั้ง 5 หลุมไม่มีหัวกะโหลกอยู่จริง ตรงตามที่ผู้ต้องหารับสารภาพทุกประการ

นายศิงขร รับสารภาพว่า มีร้านค้ามินิมาร์ทอยู่คลอง 13 และเปิดสำนักสักยันต์ที่บ้านพักอาศัยรับซื้อกะโหลกจากทั้ง 3 คนจริง นำมาประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับคุณไสย (ปั้นเหน่ง) สำหรับกะโหลกอีก 5 หัว ที่พบใต้สะพานคลอง 13 นั้นตนขโมยมาจากสุสานเม่งหุย เพราะก่อนหน้านี้เคยบวชเป็นพระที่ย่านดังกล่าว และเห็นหลุมฝังศพไม่ค่อยมีคนดูแล ทำให้สะดวกแก่การขโมย จากนั้นจึงขึ้นรถแท็กซี่ไปคนเดียวแล้วลงมือขโมย  มาให้นายนิพนธ์ ผู้ต้องหาอีกคนเป็นคนตัด และเจียรหัวกะโหลก เพื่อนำไปทำ “ปั้นเหน่ง”  ใช้ทำคุณไสย หรือยาเสน่ห์ยาแฝด เนื่องจากนายนิพนธ์มีฝีมือด้านการช่าง โดยนำมาทำเป็นฐานรองเทียน และธูป แล้วทำหุ่นสามีภรรยาหันเข้าหากัน เพื่อทำพิธีทางไสยศาสตร์ โดยกะโหลก 1 หัว เจียรได้ 4-6 ชิ้น  ตนศึกษาจากตำราที่วางขายทั่วไป ที่ผ่านมาทำแล้วหลายเดือน มีลูกค้าเดือนละ 2 ราย จะคิดค่าครูเพียงหนึ่งสลึง พอสำเร็จแล้วลูกค้าจะให้ค่าสมนาคุณครั้งละไม่เกิน 2,000 บาท ที่ทำมาไม่เคยได้ผลเลย มีที่สำเร็จบ้างอาจเป็นเพราะผัวเมียคู่นั้นเขาคืนดีกันเอง ไม่ได้สำเร็จเพราะวิชาอาคม สำหรับกะโหลกที่พบนั้น ภายหลังตนเจียรเสร็จได้ให้ นายนิพนธ์นำไปเผา แต่นายนิพนธ์กลับนำไปทิ้งจนมาถูกจับกุมดังกล่าว

เบื้องต้นพงส.แจ้งข้อหานายวรเชษฐ์ร่วมกันลักทรัพย์ ส่วน นายศิงขร และ นายนิพนธ์ แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ผู้อื่น หรือรับของโจร ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ทำพิธีขอขมาลาโทษกะโหลกทั้งหมด โดยมีนายศิงขรเป็นผู้ทำพิธีดังกล่าว พร้อมเร่งติดตามนายธวัชชัยผู็ร่วมขบวนการอีกรายที่กำลังหลบหนีอยู่มาดำเนิน คดีต่อไป