ผลสำรวจของ J.D Power ชี้ว่ามีผู้ใช้รถยนต์ราว 1 ใน 5 ที่สนใจในรถยนต์แบบไม่ต้องใช้คนขับ โดยผู้ชายอายุระหว่าง 18-27 ปีซึ่งอาศัยในเขตเมืองให้ความสนใจมากที่สุด
บริษัทอินเทอร์เนต Google เปิดเผยในการประชุมด้านเทคโนยีที่นครดีทรอยต์เมื่อเร็วๆนี้ว่า ทางบริษัทกำลังร่วมมือกับยริษัทเทคโนโลยีอื่นๆเพื่อพัฒนารถยนต์แบบไม่ต้อง ใช้คนขับซึ่งควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด และคาดว่าจะออกมาวิ่งตามท้องถนนได้ในเวลาไม่กี่ปีจากนี้
Google นำระบบแผนที่แบบ Street View มาพัฒนาร่วมกับซอฟท์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ ติดตั้งกล้องวีดีโอขนาดเล็กไว้ภายในรถ และมีตัวรับสัญญาณหรือเซนเซอร์ติดไว้บนหลังคา หน้ารถและหลังรถเพื่อใช้บอกตำแหน่งรถยนต์ โดยผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องจับพวงมาลัยเลยแต่คอมพิวเตอร์จะทำหน้าที่อ่าน แผนที่และขับเคลื่อนตัวเองไปตามโปรแกรมที่วางไว้
Google เคยทดสอบรถยนต์แบบไร้คนขับแล้วหลายครั้งตั้งแต่ 2 ปีก่อน รวมระยะทางมากกว่า 1,000 กม. แต่ผู้จัดการโครงการของ Google บอกว่ายังต้องมีการทดสอบอีกหลายล้านกม.ก่อนที่จะนำออกสู่ตลาด เพื่อให้แน่ใจทั้งในด้านการทำงานและความปลอดภัย
นอกจาก Google ยังมีอีกหลายบริษัทเช่น General Motors ที่กำลังพัฒนารถยนต์ลักษณะเดียวกัน ขณะที่ Ford ก็มีรถยนต์ระบบควบคุมการจอดแบบอัตโนมัติเช่นกัน
Google ระบุว่าประโยชน์ของรถยนต์ที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งคันนี้คือสามารถขับ ขี่ได้ปลอดภัยกว่ามนุษย์ขับ เพราะคนเรานั้นอาจง่วงนอน อ่อนเพลียหรือเมื่อยล้า ทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย นอกจากนี้ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมรถยนต์ยังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถคุยโทรศัพท์ ส่งข้อความ หรือจิบกาแฟได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น
อย่างไรก็ ตาม นักขับขี่บางคนมองว่าการขับรถยนต์แบบไม่ได้จับพวงมาลัยควบคุมทิศทางเองนั้น ทำให้ตนขาดความสนุกหรือขาดแรงจูงใจในการขับขี่ แต่ทาง Google ยืนยันว่าเป้าหมายของบริษัทไม่ใช่การป้องกันไม่ให้มนุษย์เป็นผู้ควบคุมพวง มาลัย แต่ขับได้เมื่อรู้สึกมั่นใจ แจ่มใส ปลอดโปร่ง และหากเมื่อใดที่เหนื่อยล้า หรือง่วงนอน ระบบควบคุมรถยนต์อัตโนมัติก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ปลอดภัยกว่า