[Top Five] 5 อันดับตำนานสยองขวัญ มอชอ
ดึกๆ ดื่นๆในคืนวันปล่อยผีเเบบนี้ บรรยากาศช่างเงียบเชียบเเละวังเวง ลมเย็นๆพัดมาให้ขนลุกซู่เวลาอาบน้ำอยู่คนเดียว หลายคนคงอดจินตนาการถึงสิ่งที่มองไม่เห็นไม่ได้ เเละยิ่งอยู่ในรั้วมอชอด้วยเเล้ว อากาศก็หนาวเยือกผิดปกติ ต้นไม้สูงๆชวนให้นึกถึงมือสยดสยองกวักเรียก บรื๋อ!! พวกเรารู้กันดีใช่ไหมคร๊าฟว่ามอชอเต็มไปด้วยเรื่องลี้ลับไม่น้อย บ้างก็ว่า ในอดีต มอชอนั้นเคยเป็นป่าช้ารกร้างมาก่อน บ้างก็ว่าที่นี่เคยเป็นสนามรบ ที่มีคนมากมายสังเวยชีวิต!!
เชื่อได้เลยว่านักศึกษาลูกช้างทุกคนคงเคยได้ยินเรื่องลี้ลับที่บอก เล่าปากต่อปาก จากรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นตำนานอันเลื่องลือที่น่าสะพรึงกลัวของชาวมอชอ ครั้นพอฟังเเล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะ สงสัยว่าบรรดาเรื่องเล่าต่างๆนั้น…เกิดขึ้นตรงบริเวณใดในรั้วมอชอ เเล้วมันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า เเละที่สำคัญ…ตำนานไหนที่ชาวลูกช้างเป็น ต้องนึกถึงทุกครั้งเมื่อจับกลุ่มเล่าเรื่องสยองขวัญ! วันนี้ มอโพลก็ได้ลงพื้นที่ไปสำรวจความคิดเห็นของชาวมอชอ 100 คน…เพื่อจัดอันดับ 5 ตำนานสยองขวัญชาวมอชอ!
เเละนี่…ก็คือบรรดาเรื่องลี้ลับที่จะทำให้ชาวมอโพลเสียวสันหลังตามๆเลยทีเดียว ! บรื้ออออ
อันดับที่ 5 หอสามหญิง…อาคารรูปแปดเหลี่ยม!
หากสังเกตดีๆจาก Google Map !! เพื่อนๆจะเห็นหอสามหญิงเด่นเป็นสง่าในทุ่งหญ้าสีเขียว . . .ลักษณะหอนั้นเป็นรูปทรง 8 เหลี่ยมคล้ายๆกับกระจกยันต์ที่ชาวจีน นิยมติดไว้หน้าบ้านเพื่อป้องกันภูตผีปีศาจ ทีมงานมอโพลได้ออกไปสืบสาวตำนานมา ก็ได้รู้ว่า หอสามหญิงถูกสร้างให้เป็นรูปเเปดเหลี่ยม เพื่อเเก้เคล็ด จาก หอสองหญิงซึ่งอยู่ตรงข้างๆ โดยหอสองหญิงนั้นก็เป็นรูปสายฟ้าฟาด เชื่อกันว่า เมื่อสายฟ้าจากหอสองหญิงเกิดผ่าลงมายังหอสามหญิงเเล้ว ยันต์เเปดเหลี่ยมนี้ก็จะสะท้อนสายฟ้าฟาดกลับไปนั่นเอง หึหึ มีเรื่องเล่าว่าเมื่อเวลากลางดึก. . นักศึกษาที่พักในหอสามหญิงมองออกนอกหน้าต่างไปทางฝั่งตรงข้ามนั่นก็คือหอ สองหญิง ก็จะเห็นเงาตะคุ่มรูปร่างสูงๆก็เริ่มปรากฏขึ้นมา แน่นอนคร๊าฟเมื่อขยี้ตาและโฟกัสชัดเจนแล้ว มันคือเปรตตต!!!!!ที่ยืนคร่อมอยู่ระหว่างหอนั้นแบบจริงจัง จากอากาศในตอนนั้นที่เย็นอยู่แล้ว หากชาวมอโพลได้สัมผัสเองคงต้องแข็งกลัวจนตัวสั่นตรงนั้นแน่ๆ บรื๋อ!!
อันดับที่ 4 เปรตวงเวียนหอนาฬิกา
หอนาฬิกาเป็นสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวมอชอ มันตั้งตระหง่านโดดเด่นตรงสี่แยกคณะวิศวกรรมศาสตร์ แม้หอนาฬิกาทนี้จะทาสีใหม่แล้ว ทว่า เรื่องราวลี้ลับเก่าๆก็ยังคงถูกเล่าขานเรื่อยมา…ว่ากันว่าบริเวณกลางวงเวียน นี้..มีเปรตตนหนึ่งอาศัยอยู่ เเละเมื่อพูดเรื่องเปรต…ก็หนีไม่พ้นการ ‘ลองของ’ ของเหล่านักศึกษา เชื่อกันว่าหากอยากพบเปรตตนนี้ จะต้องรอจนเสียงนาฬิกาตีครบ 12 ครั้ง นั่นก็คือเวลาเที่ยงคืนนั้นเอง จากนั้น ให้ขับรถทวนเข็มนาฬิกาทั้งสิ้นสามรอบ!! ว่ากันว่า เมื่อขับวนรอบแรกๆนั้น จะรู้สึกคล้ายมีลมเย็นหวิวๆผิดปกติ ทันใดนั้นเมื่อขับวนจะครบรอบที่สามเราก็ต้องหักหลบเสาต้นหนึ่ง ที่จู่ๆก็มาตั้งกลางถนนที่มาจากไหนไม่รู้!! เเละนั่นก็คือ…ผีเปรตที่มาปรากฏตัวให้เห็นเด่นชัดกลางถนน หากผีเปรตยังไม่มาที่ถนนอีก ก็อย่าเพิ่งน้อยใจไป…ให้ลองแหงนหน้ามองขึ้นไปข้างบนหอนาฬิกา …เเล้วเพื่อนๆจะพบกับเปรตที่นั่งแกว่งขาห้อยลงมาและแสร้งยิ้มอย่างมีความสุข ที่มีคนอุตส่าห์ลองของเข้ามาแวะทักทายกันซะถึงที่ !!!
อันดับ 3 วิญญาณสาวในห้องสีชมพู
หอสีชมพู เป็นอีกตำนานสุดสยองของหอหญิงที่เกิดจากคดีการทำแท้งของนักศึกษาคนหนึ่ง ที่พลาดพลั้งไปมีอะไรกับผู้ชายแล้วเกิดตั้งท้องขึ้นมา รู้อีกทีก็ปาเข้าเดือนที่4แล้ว แต่ไม่อยากให้พ่อแม่และเพื่อนๆรู้เพราะกลัวเสียอนาคต รวมถึงตัวเองก็ไม่มีเงิน เเละแฟนก็ไม่รับผิดชอบ เธอจึงตัดสินใจทำแท้งด้วยตัวเองในคืนหนึ่ง…ว่ากันว่าเลือดของเธอ สาดกระเด็นไปตามผนังห้อง สุดท้ายเธอตกเลือดตายคาห้องพัก!! เพื่อนที่เข้ามาเห็นถึงกับช็อคแล้วย้ายหนีไป ผู้ดูแลหอพักอยู่ในตอนนั้นได้สั่งช่างให้เข้ามาทาสีขาวทับรอยเลือด แต่พอเช้ารุ่ง รอยเลือดสีจางๆนั้นก็ได้โผล่มาให้เห็นอีก ทางหอพักจึงตัดสินใจนำสีชมพูไปทาทั่วทั้งห้องแทน จนกลายเป็นชื่อเรียกห้องสีชมพูตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ปัจจุบันห้องนี้ เป็นห้องที่ปิดตายมีเพียงซอกประตูเท่านั้นที่พอส่องเข้าไปข้างในได้ เล่ากันว่า เคยมีคนอยากรู้อยากเห็นว่าทำไมห้องนั้นถึงปิดล็อค จึงลองสอดสายตามองเข้าไป…เเละก็ได้พบกับหญิงสาวที่ร้องไห้อยู่บนเตียงคน เดียว !! ว่ากันว่าจนถึงทุกวันนี้ ยังคงมีคนได้ยินเสียงเปิดปิดประตูจากห้องนั้นและได้ยินเสียงอาบน้ำในห้องน้ำ รวม แต่เมื่อเข้าไปอาบน้ำต่อกลับไม่พบร่องรอยของน้ำในห้องน้ำห้องไหนเลย สร้างความตื่นกลัวขนหัวลุกของชาวหอนั้นอย่างสุดๆ
จนถึงทุกวันนี้ ห้องนั้นก็ยังคงปิดตาย…สร้างบรรยากาศเย็นเยียบ จนใครๆ…ก็หวาดกลัวที่จะเยื้องกรายผ่านไป
อันดับ 2 ขบวนเจ้านาง…วงเวียนมนุษย์
ในช่วงวันหยุดยาวของเทศกาลเข้าพรรษา ชาวหอในต่างเก็บข้าวของเพื่อกลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัว…ห้องหลายๆห้องปิดล็อค โถงทางเดินมืดสนิท เเละห้องน้ำเงียบเชียบวังเวง… เหลือนักศึกษาไม่กี่คนที่ติดงาน หรือจำเป็นต้องอยู่อ่านหนังสือต่อเพราะยังสอบไม่ครบทุกวิชา เเละในช่วงวันหยุดนั้นเอง…
ชาวหอในต่างรู้กันดีว่ามันเป็นคืนต้องห้าม ที่ทุกคนไม่ควรย่างก้าวออกจากหอพักเด็ดขาด!! นี่ไม่ใช่ระเบียบหอพัก แต่มันคือคืนปล่อยผีนั่นเอง บรรดาผีต่างๆจะออกมาเดินในค่ำคืนนั้นเป็นจำนวนมาก ว่ากันว่าพวกเขา…เดินขบวนแห่เทียนพรรษาใหญ่โต … เหล่าผีจะค่อยปรากฏเลือนรางตั้งแต่กลางวงเวียนมนุษย์ ระหว่างนั้นก็จะมีการร้องรำครื้นเครงกันทั้งขบวนแห่ ล้วนเเต่งกายงดงาม…เหล่าหญิงสาวสวมชุดล้านนนาออกมาฟ้อนรำกรีดกรายสวยงาม แต่พวกเขา…กลับไม่มีหัว…ขบวนอันน่าสะพรึงกลัวนั้น จะไปสิ้นสุดที่หอ 8 เหลี่ยม บ้างก็ว่าเป็นขบวนเหล่านี้เป็นขบวนของเจ้านางฝ่ายเหนือท่านหนึ่งที่เคยถูก ตัดสินโทษ ตัดศรีษะตรงหอเเปดเหลี่ยม… หากชาวมอโพลสงสัยว่ามีผีประเภทไหนออกมาเดินขบวนกันบ้าง ก็คงไม่พลาดที่จะไปแอบส่องตามพุ่มหญ้าในช่วงคืนก่อนเข้าพรรษาของทุกปี ซึ่งรับรองได้เลยคร๊าฟว่า เด็ดจริงคร้าฟฟ#$%^*
อันดับ 1 ป๊อกป๊อก ครืด
เเละก็มาถึงอันดับหนึ่ง ตำนานสยองขวัญของชาวมอชอที่ดังกระฉ่อนไปทั่วประเทศ จนผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องมหา’ลัยสยองขวัญจับไปยำอยู่ในภาพยนตร์สั้นซะ ป๊อก ป๊อก ครืด ถูกเล่าต่อกันมายาวนานส่งผลให้ข้อมูลผิดเพี้ยนไปมาก จนไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดที่หอพักแห่งใดกันแน่ ทีมงานมอโพลได้ออกไปขุดค้นเรื่อง ได้ความว่า ป๊อก ป๊อก ครืด เป็นเรื่องราวของรูมเมทหญิงสองคน ในช่วงสอบซัมเมอร์ เมื่อตกหัวค่ำเพื่อนคนหนึ่งเกิดไม่สบายขึ้นมา เพื่อนอีกคนหวังดี จึงอาสาจะออกไปซื้ออาหารมาดูเเล เมื่อเวลาผ่านไป… เพื่อนที่รออยู่ในห้องตื่นและลุกขึ้นมาอ่านหนังสือในอาการสลึมสลือ …ฝนเริ่มตกลงมาโปรยปราย รูมเมตที่ออกไปซื้ออาหารยังไม่กลับมา ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียง ป๊อก…ป๊อก..…ป๊อก ครืดดดด มา จากทางบันใด เสียงนั้นเหมือนกับคนกำลังแบกของหนักๆแล้วลากเข้ามาเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าห้องพักของเธอ และมีเสียง ป๊อกๆ ๆ เคาะประตูตามมา เธอจึงเดินกล้าๆกลัวๆไปเปิดประตู ก็พบเพียงถุุงราดหน้าแขวนอยู่ที่ประตูและเห็นรอยน้ำเป็นทางจากบันไดมาที่ ห้อง เธอได้เเต่มองถุงราดหน้าอย่างประหลาดใจ นึกสงสัยว่าเหตุใดเพื่อนจึงยังไม่กลับมา…ครุ่นคิดอยู่เช่นนั้นทั้งคืน ก็ผลอยหลับไปด้วยพิษไข้ที่ยังไม่หายดี
จนกระทั่งรุ่งเช้า ก็มีคนมาเคาะประตูบอกว่า “รูมเมตของเธอเสียชีวิตแล้ว!!” บ้างก็ว่าถูกข่มขืน บ้างก็ว่าก็ถูกรถชน แต่ที่แน่ๆแขนขาทั้งสองข้างขาดออกจากกันจากอุบัติเหตุข้างต้น…
เชื่อกันว่าเสียงประหลาดเมื่อคืนนั้น เป็นเพราะความหวังดีของเพื่อน ที่พยายามพยุงตัวเองทั้งที่แขนขาใช้การไม่ได้ เพียรใช้ส่วนหัวที่ค่อยๆลากตัวเข้ามา คิดแล้วมันน่า บรื้ออออออ จริงๆ YY
จบไปเเล้วนะคร๊าฟกับตำนานสุดสยองของชาวมอชอ กระผมนั่งพิมพ์บทความนี้ตอนดึกๆราวตีสาม รู้สึกขนลุกจนทนไม่ไหวเเล้ว ขอตัวไปสวดมนต์ก่อนนอนก่อนนะคร๊าฟ ถ้าเพื่อนๆชาวมอโพลมีตำนานอะไรมาเเลกเปลี่ยน อย่าลืมมาเล่าให้กันฟังด้วยนะคร๊าฟ แต่ตอนนี้ กระผมกลัวจนขนลุกซู่ ขอลาไปก่อนนะคร๊าฟฟฟ พบกันใหม่กับบทความครั้งหน้า ฟิ้ววววว!