เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 28 เม.ย. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า น.อ.สมเกียรติ ผลประยูร ผบ.ฉก.นย. อ.เมือง จ.นราธิวาส และ พ.ต.ท.ธนาธิป โสภาพ สว.หน.สภ.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ ได้ร่วมสั่งการให้ ร.อ.มานพ สืบสกุล ผบ.ร้อนกองร้อยปืนเล็กที่ 1 ฉก.นราธิวาส 32 นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ รวม 30 นาย ใช้กฎอัยการศึกบุกจู่โจมตรวจค้นบ้านเลขที่ 8/1 บ้านมาแฮ ม.11 ต.ปะลุกาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นบ้านภรรยาของนายมะปิเยาะ สะอิ อายุ 49 ปี ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวในช่วงคืนที่ผ่านมา ขณะขับรถยนต์กระบะผ่านด่านตรวจเขตเทศบาลตำบลต้นไทร อ.บาเจาะ โดยภายในรถเจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบอุปกรณ์ในการเสพยาเสพติด รวมทั้งเงินสด 2 แสนบาท
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังตรวจค้นเป้าหมายบ้านพัก พร้อมกระจายกำลังกันโอบล้อม เพื่อทำการตรวจค้นภายในบ้านพัก ซึ่งได้มีการยกปลูกสร้างเป็นพื้นบ้าน 2 ชั้น โดยแยกเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องโถงและห้องครัว โดยภายในห้องนอนเจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบอาวุธปืนสงคราม อาก้า พร้อมกระสุนปืน จำนวน 1 กระบอก ที่ซุกซ่อนไว้ใต้เตียงนอน ส่วนห้องโถงเจ้าหน้าที่พบว่าพื้นไม้ที่ปูไว้มีลักษณะกลวง โดยมีพรมและเสื่อน้ำมันปิดทับไว้ 2 ชั้นผิดสังเกต เจ้าหน้าที่จึงได้รื้อพรมและเสื่อน้ำมันออก พบมีการทำประตูลับลงไปในชั้นใต้ดิน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการเปิดประตูลับออก พบมีบันไดลงสู่ชั้นใต้ดิน โดยที่บริเวณพื้นไม้ซึ่งสร้างใช้เป็นฝ้าเพดานของห้องใต้ดิน มีช่องลับรอบด้านทั้ง 4 ด้าน และเมื่อเจ้าหน้าที่ล้วงมือเข้าไปตรวจสอบ พบยาบ้าจำนวน 60 เม็ดซุกซ่อนอยู่ในถุงพลาสติก และเมื่อเจ้าหน้าที่ล้วงช่องลับอีก 3 ด้านที่เหลือ พบแม็กกาซีนอาวุธปืนสงครามอาก้า เอ็ม16 ซุกซ่อนอยู่ โดยในแต่ละแม็กกาซีนมีการบรรจุกระสุนปืนไว้เต็มแม็ก พร้อมทั้งอาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 ม.ม.ที่บรรจุกระสุนอีก จำนวน 1 กระบอก
เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งได้นำตัวนายมะปิเยาะ และประสานเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์มาตรวจสอบคราบลายนิ้วมือแฝงและดีเอ็นเอ.จากตัวนายมะปิเยาะและของกลางต่างๆ ที่ได้ตรวจยึดไว้ เพื่อเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน และทำการขยายผลไปสู่เครือข่ายยาเสพติด รวมทั้งตรวจสอบประวัติว่านายมะปิเยาะ พบว่าเป็นสมาชิกแนวร่วม RKK ที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี และตกเป็นผู้ต้องสงสัยตามหมาย พ.ร.ก.ในคดีปล้นปืน ชรบ. ยิงสัสดี ยิงผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน ซึ่งเหตุเกิดในพื้นที่ อ.บาเจาะ เมื่อปี 52และปี 55 ซึ่งเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวไปยังศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี เพื่อทำการขยายผลและทำลายเครือข่ายให้สิ้นซากต่อไป