ย้อนดูจ่าเพียร...เตือนใจ 'คนไร้เส้น' เหตุเกิดที่การประปาฯ

เรื่องราวของบุรุษเหล็ก พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา แห่งสถานีตำรวจภูธรบังนังสตา จังหวัดยะลา ยังคงประทับใจตราตรึงอยู่ในความทรงจำของชาวไทยมิรู้ลืม แม้เจ้าของสมญานามกระหึ่มโลกนามนี้จะจากไปอย่างไม่มีวันกลับแล้วก็ตาม... หากเพียงแต่วันนั้นเขาได้รับความเป็นธรรมและเอาใจใส่จากผู้บังคับบัญชาที่ อยู่เหนือขึ้นไป...

ด้วยความจริงใจ และรับผิดชอบ...

เหตุการณ์อันเป็นความสูญเสียใหญ่หลวงแก่ครอบครัวของ พล.ต.อ.สมเพียร เมียรัก และลูกชายทั้ง 4 ก็อาจไม่เกิดขึ้น เพราะแม้จะเพียรพยายามทำเรื่องขอย้ายตัวเอง เนื่องจากเป็นปีสุดท้ายก่อนเกษียณ อยากมีเวลาพักและอยู่ใกล้ลูกเมีย หลังจากทำงานตรากตรำรับใช้ประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาเกือบ 40 ปี อีกทั้งที่ที่ขอย้ายก็ยังอยู่ในภาคใต้ นั่นคือขอไปเป็น ผกก.สภ.กันตัง จังหวัดตรัง พื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 9

ซึ่งมีตำแหน่งว่างพอดี

แต่เพราะ ไม่มีเส้นสาย ไม่ได้เป็นเด็กของใคร ไม่ได้วิ่งเต้นซบอกใคร ขนาดมีรายชื่อบรรจุในบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายในกองบัญชาการภูธรภาค 9 เห็น ๆ แล้ว ถึงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม ชื่อของ “จ่าเพียร” ที่ชาวบ้านเรียกขานด้วยความสนิทสนม กลับหายเข้ากลีบเมฆ ปรากฏชื่อของนายตำรวจ เด็กนักการเมืองเส้นใหญ่จากไหนไม่รู้??

เสียบแทนหน้าตาเฉย??

จ่าเพียรอุตส่าห์รอนแรมไปถึงทำเนียบรัฐบาลเพื่อขอความเป็นธรรม แต่น้ำตาลูกผู้ชายก็ต้องหลั่งอีกครั้ง เมื่อพบกับความผิดหวัง กระทั่ง 12 มีนาคม 2553 พ.ต.อ.สมเพียร (ยศขณะนั้น) กับลูกน้อง 4 คน ที่ติดตามหาข่าวผู้ก่อการร้ายในพื้นที่บังนังสตา ยะลา ก็ได้เหยียบกับระเบิด พร้อมกับถูกกระสุนยิงถล่มเข้าใส่ จนเสียชีวิตในที่สุด

ทิ้งไว้แต่เรื่องราวของนักรบกล้า

ให้ได้เล่าขาน และกล่าวขวัญถึงจนบัดนี้

พร้อมไปกับประจานระบบอัปยศวิ่งเต้นโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม ไม่ดูเหตุดูผล ไม่ดูความดีความชอบความรู้ความสามารถ การทุ่มเทของผู้ปฏิบัติงานมาพิจารณาด้วย มุ่งแค่ค่าของคน อยู่ที่คนของใคร โศกนาฏกรรม “จ่าเพียร” จึงบังเกิดขึ้น (โดยไม่มีใครรับผิดชอบ)

ใครรับราชการ ย่อมรู้ซึ้งดี วิ่งได้ก็ต้องวิ่ง ฝากได้ก็ต้องฝาก จะว่าธรรมดา ก็ธรรมดา จะว่าอัปยศ  ก็อัปยศ ขอเพียงอย่างเดียว อย่างน้อย ๆ ก็ขอให้มีความละอายใจบ้าง ยึดถือหลักเกณฑ์ “คุณธรรม” กันบ้าง อย่าไปแบบ “ด้าน ๆ” เท่านั้นก็พอแล้ว ดังเรื่องที่ฝ่ายข่าวสกู๊ปได้รับข้อมูลมา ที่เห็นแล้ว...

เศร้าใจมาก

เหตุเกิดที่ การประปาแม้นศรี ในสังกัดของ การประปานครหลวง ในการสอบเพื่อเป็นหัวหน้าส่วน (ระดับ 6) เมื่อปี 2545 ในจำนวนผู้เข้าสอบกว่า 100 คน สอบได้ 24 คน เธอสอบได้เป็นที่ 1 ในครั้งนั้นใคร ๆ ก็คิดว่าเธอต้องได้รับการบรรจุเป็นหัวหน้าส่วนแน่ แต่จนแล้วจนรอด รอแล้วรอเล่า ลุมาถึงปี พ.ศ. 2555 เข้าไปแล้ว

ทุกอย่างยังอยู่ที่เดิม

พอมีตำแหน่งว่าง เช่นมีคนเกษียณไป ลาออกไป หรือได้รับโปรโมตในตำแหน่งใหม่ ทุกครั้งก็มีเด็กนักการเมือง เด็กผู้รับเหมา เด็กผู้บังคับบัญชาจากโน่นนั่นนี่ ข้ามหัวมากินตำแหน่งหัวหน้าส่วนทุกครั้งไป

เธอได้แต่อดทน

เพราะเป็นแค่ข้าราชการตัวเล็ก ๆ ไม่มีปากมีเสียง 

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ในรุ่นที่สอบได้ 24 คนนั้น แทบทุกคนไปเป็นหัวหน้าส่วน ไปเป็นผู้อำนวยการแผนก หรือใหญ่กว่านั้นกันหมดแล้ว มีแต่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ไปไหนเลย เพราะไม่มีเส้น ไม่ชอบวิ่งเต้น ไม่เคยฝากฝังกับใคร รอแต่ว่า ผู้บังคับบัญชาจะเห็นผลงาน แต่นั่นแหละ ค่าของคน ไม่ได้อยู่ที่ผลของงาน เรื่อยมา

กระทั่งล่าสุด มีการเสนอรายชื่อผู้ที่จะได้รับการบรรจุเป็นหัวหน้าส่วน (ระดับ 6) ในเดือนพฤษภาคมนี้ ปรากฏว่า เธอได้ข่าวว่า เธอก็ยังไม่มีชื่ออยู่อีกเช่นเคย มีเด็กผู้ใหญ่รอเสียบอีก...เหมือนเคย

นี่เป็นแค่อีกหนึ่งตัวอย่าง

ข้าราชการที่ตั้งใจทำงาน ปิดทองหลังพระ หวังเอาผลงานเป็นหนทางไต่เต้าสู่ความก้าวหน้าในวิชาชีพ ไม่ไปวิ่งเต้นกับใคร แล้วจะทำเช่นไร? หรือคนเหล่านี้ต้องจมปลักอยู่กับการทำงานแบบซังกะตาย อย่างนั้นหรือ?

นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ รมช.มหาดไทย ที่กำกับดูแลการประปานครหลวง คงต้องเข้าไปดูแลสะสางเสียที วางคนให้เหมาะกับงาน ให้คนเก่ง คนมีความรู้ความสามารถ ได้ทำงาน ได้มีหนทางก้าวหน้า

ให้ได้ทำงานที่ควรได้ทำ ได้เป็นตามที่ควรจะเป็น

อย่าให้เกิดกรณี...จ่าเพียร...

อีกเลย!!!!!.

Credit: เดลินิวส์
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...