เรื่องราวที่เพื่อนๆอ่านต่อไปนี้ อาจจะยาวไปสักหน่อย แต่อยากให้อ่านถึงความรักความห่วงใยของพ่อที่มีต่อลูก แม้ลมหายใจสุดท้าย และความรักและความเสียสละที่ลูกมีให้แก่พ่อผู้มีพระคุณ เรื่องนี้ดูคล้ายนิยาย แต่นี่คือเรื่องจริงของครอบครัวๆหนึ่ง ที่อยากจะแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่านกัน
นาย เฉิง ยี่ซิง พ่อม่ายลูกสาม มีอาชีพเกษตรกร เขาตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง เพื่อสร้างฐานะให้ดีขึ้น ชีวิตของเขากำลังจะไปได้สวยก็ต้องพังครืนลง เมื่อเขาล้มป่วยอย่างหนักเพราะหักโหมกับการทำงาน เฉิง จี้หลาย นักศึกษาปีที่ 2 จึงต้องรับหน้าที่ออกมาดูแลพ่อในวาระสุดท้าย
เฉิง ชายหนุ่มวัย 24 ปี นำเงิน 3 พันหยวน หรือ 15,000 บาท ที่ได้จากการทำงานเพื่อเป็นค่าเล่าเรียน นำมาใช้จ่ายดูแลพ่อ รวมไปถึงซื้อโลงศพให้พ่อตามที่เขาพอจะทำให้ได้ เขาไม่มีเวลาคิดถึงอนาคตในภายภาคหน้าของเขาว่าจะทำเช่นใดต่อไป เขากล่าวว่า พ่อของเขาเป็นคนจีนคนหนึ่งในจำนวนหลายๆคนที่มีความเป็นอยู่ที่ตกต่ำสุดของ สังคมที่ต้องอาศัยความเพียรในการอยู่รอด ตอนนี้หัวใจของพ่อพร้อมจะหยุดเต้นทุกนาทีหรือแม้กระทั่งทุกวินาที เขาตั้งใจจะมาดูแลพ่อครั้งสุดท้าย แม้แต่โลงศพที่ตั้งอยุ่ข้างๆ เขาก็ซื้อมากับเงิน 3 หยวนที่เขาตั้งใจเป็นค่าเล่าเรียนแต่แรก
ครอบครัวเฉิง อาศัยในหมู่บ้านซานเจีย ในเมืองซีนาน จังหวัดซานซี ปี 2010 เฉิง จี้หลาย บุตร ชายคนสุดท้องของนาย เฉิง ยี่ซิง สามารถสอบเข้าวิทยาลัยเกาเคาได้ ด้วยคะแนน 492 คะแนน คะแนนน้อยกว่าที่ 2 เพียงไม่กี่จุด แต่วิทยาลัยแห่งนี้มีค่าเล่าเรียนที่สูงมาก ทำให้จำต้องสละสิทธิ์เพื่อเรียนวิทยาลัยการบินซีอาน ที่ค่าเล่าเรียนถูกกว่า โดยยืมเงิน 6 พันหยวน หรือ 3 หมื่นบาทเพื่อเข้าเรียนที่แห่งนี้ นายเฉิง มีบุตรสาวอีก 2 คน ที่จบแค่ประถมศึกษาและแต่งงานแยกครอบครัวไป ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ของนาย เฉิง คือต้องการเห็นลูกชายจบจากมหาวิทยาลัยเพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล
แม่ ของจี้หลายเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ปี 2000 เมื่อเขามีอายุแค่ 12 ขวบ เขาต้องทำงานหาเงินตั้งแต่เรียนมัธยม หนำซ้ำยังลำบากในการเดินทางหลายร้อยกิโลเพื่อเดินทางไปเรียนมัธยม แต่เขากลับคิดบวกว่ามันเป็นการออกกำลังกาย ในวันหยุดฤดูหนาวและฤดูร้อน เขาก็ไม่เคยเล่นสนุกสนานเฉกเช่น เด็กวัยเดียวกัน เขา ต้องช่วยพ่อทำงานในฟาร์ม จนพ่อของเขากลัวว่าลูกจะทำงานหนักมากเกินไป จึงเลือกให้เขาทำงานเบาๆและยอมแบกรับหน้าที่หนักให้แก่ตนเอง หลายครั้งที่เขาเห็นเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าพ่อ พี่สาวคนหนึ่งเสนอกับพ่อว่า เขาสมควรจะแต่งงานมีครอบครัวเสียที แต่ชายชราวัย 50 กลับปฏิเสธ เพราะเขาปรารถนาให้ลูกชายมีอนาคตที่ดีกว่าที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้
ยี่ ซิง แต่งงานใหม่กับแม่ม่ายแต่ไม่มีลูก เมื่อปี 2008 และแม่เลี้ยงก็ทำหน้าที่ดูแลครอบครัวได้เป็นอย่างดี แต่ชีวิตก็ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป เมื่อยี่ซิง เริ่มมีสุขภาพแย่ลง แต่เขาก็ไม่ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพ จนปี 2011 ร่าง กายเขาเริ่มทรุดจนจำเป็นถูกหามส่งโรงพยาบาลชานกัน เมืองซีอานแพทย์วินิจฉัยว่าเขาป่วยเป็นมะเร็งทวารหนัก จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด แทนที่เขาจะบอกอาการป่วยของลูกๆ เขากลับเก็บเงียบเป็นความลับ และพยายามวางตัวไม่ให้เป็นพิรุจ เพียงแค่รอให้ถึงฤดูเก็บเกี่ยวข้าวสาลีที่จะถึงอีกไม่นาน
หากแต่หลังจากเก็บเกี่ยวผ่านพ้นไปแล้ว ข้าวทั้งหมดถูกยึดไปเพราะการกู้ยืมเงิน 6,000 หยวนจากคนอื่น พร้อมทั้งบ้าน หากแต่ลูกสาวของยี่ซิงก็รีบถ่ายโอนกลับมา ยี่ซิง กลับไปรักษาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ความลับที่ ยี่ซิงเก็บงำก็ถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อแพทย์เข้ามาต่อว่าต่อขานลูกๆว่าทำไม ละเลยต่อการรักษา จากโรคมะเร็งทวารหนัก ตอนนี้เซลล์มะเร็งมันลุกลามแพร่กระจายไปทั่ว แพทย์กล่าวว่าการผ่าตัดก็คงเพียงแค่ชะลอการแพร่กระจายของมะเร็ง และมีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่ง จี้หลาย เข้าใจความหมายของแพทย์ และเขาสารภาพกับกับแพทย์ว่า เขาไม่มีปัญญาที่จะหาเงินมากมายมารักษาพ่อได้
จี้ หลาย จำต้องลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อดูแลพ่อ และหาซื้อยาตามใบรับรองแพทย์ แต่ค่ายาที่มีราคาที่สูง เขาปรึกษากับพี่ทั้ง 2 ว่า น่าจะหาเลือกซื้อยาที่ราคาถูกกว่าเพื่อระงับความเจ็บปวด เขาทำหน้าที่ดูแลพ่อทุกอย่าง ตามมีตามเกิดไม่ว่าทำความสะอาดบาดแผลที่ต้องใช้กระดาษชำระอย่างน้อยวันละ 2 ม้วน ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนอิริยาบถ พ่อก็จะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แม้จะมียาชาหรือยาแก้ปวดก็ไม่สามารถบรรเทาความเจ็บปวดนี้ลงไปได้ บ่อยครั้งที่พ่อบอกว่า “พ่ออยากจะตายให้เร็วกว่านี้ เพื่อไม่ให้ลูกต้องมาลำบาก” เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้นทำให้เขาอดกลั้นน้ำตาไม่ได้ จนบางครั้งน้ำตาหยดใส่ตัวพ่อในขณะที่เขาทำความสะอาดบาดแผลให้
เฉิง จี้หลาย สูง 1.73 เมตร หนัก 50 กิโล ด้วยบุคคลิกของเขาจึงเป็นที่สนใจสาวๆในวิทยาลัย หากแต่เขาไม่เคยสนใจแม้แต่นัดเดท การเขาคิดว่าเขามีภาระหนักมากเกินพอที่สนใจเรื่องพวกนี้ เขาคงไม่มีปัญญาซื้อขนมเอาอกเอาใจหญิงสาวที่จะมาเป็นแฟนเขาได้ เขาเจียดเพียงน้อยนิดซื้อปลาคาร์พเพื่อน้ำน้ำซุปปลาที่พ่อชอบ เขาบอกว่าตั้งแต่พ่อป่วย พ่อได้กินซุปปลาแค่หนเดียวในโรงพยาบาล แม้น้ำซุปที่เขาพยายามทำเป็นอย่างดีให้แต่พ่อก็กินได้เพียงแค่ 2 ช้อนเท่านั้น
เงิน ออมหมดไปกับการรักษา จนต้องนำหมูที่เลี้ยงยังไม่ทันโตขาย และมีแผนจะขายแม่พันธุ์ หากแต่เขามีแผนว่า เขาจะเก็บแม่พันธุ์ไว้เพราะมันสามารถผลิตลูกหมูทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จี้หลายกล่าวว่าไม่มีประโยชน์ที่จะไปกู้ยืมเงินญาติ เพราะสภาพความเป็นอยู่ขณะนี้คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงที่จะให้ยืมง่ายๆ หากแต่น้องชายพ่อวัย 38 ปีที่ยังโสดบอกว่า หากพี่ชายเขาเสียชีวิต เขาจะให้เงิน 5 พันหยวน ที่ตั้งใจเก็บไว้เพื่อแต่งงานไว้แต่แรก นำมาช่วยงานศพ
และ ตี 1 ของวันที่ 10 มีนา นายเฉิง ยี่ซิง พยายามฆ่าตัวตายเพราะรับรู้ว่าตนเองใกล้ความตายมาทุกขณะ เขาเปิดขวดที่มีสารพิษที่ใช้ปราบศัตรูพืชเขาแอบเก็บเอาไว้ หากแต่กลิ่นสารพิษปลุกให้ลูกชายที่นอนอยู่ใกล้ๆตื่นขึ้น เฉิง จี้หลาย รีบยึดขวดพิษให้ห่างออกจากพ่อทันที และเขาก็ไม่โกรธพ่อที่ทำเช่นนั้น เพราะรู้ดีว่าพ่อต้องทุกข์ทรมาณเพียงใด
เย็นวันที่ 21 มีนา ยี่ซิง รู้ว่าเขามีเวลาอีกไม่นาน เขาเรียก จี้หลาย บุตรชายเพียงคนเดียวว่า “ตลอด เวลาพ่อทำงานหนักโดยตลอด ไม่เคยขี้เกียจ ไม่เคยบ่นด่าหรือกังวลเกี่ยวกับลูกชายคนนี้ หลังจากพ่อเสียชีวิต ลูกต้องดูแลแม่ (แม่เลี้ยง) และตั้งใจเรียนหนังสือให้มากๆนะ” คำพูดของพ่อทำให้เขาหลั่งน้ำตา และทำได้เพียงพยักหน้ารับซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะรู้ว่านี่คือคำพูดสุดท้ายที่พ่อกล่าวแก่เขา
วันที่ 27 มีนาคม 2012 เวลาสามทุ่มครึ่ง นายเฉิง ยี่ซิงก็เสียชีวิตลง
เครดิต..สนุท ดอทคอม