นับวันธุรกิจเกี่ยวกับคนตายในญี่ปุ่นกำลังเฟื่องฟูมากขึ้น ถึงกับมีการเปิดโรงแรมเก็บศพ อย่างเช่นโรงแรมเก็บศพของฮิซาโยชิ เทรามุระ ที่ชื่อว่า ลาสเทล ตั้งอยู่ตรงข้ามร้านขายก๋วยเตี๋ยว ในแถบชานเมืองโยโกฮามา ซึ่ง ถ้าดูผิวเผินโรงแรมเล็ก ๆ ของเทรามุระก็เหมือนกับโรงแรมจิ้งหรีดทั่วไป เพราะเคยมีหนุ่มสาวบางคู่เข้าใจผิดคิดว่า เป็นโรงแรมสำหรับเอาไว้พลอดรักมาแล้ว แต่ โรงแรมของเขาไม่ได้มีไว้เพื่อเป็นรังรัก หรือสถานที่พักผ่อนของนักท่องเที่ยว อาคารที่ปูกระเบื้องสีขาวสลับเทา คือโรงแรมเก็บศพคนตาย มีโลงเย็นสามารถรองรับศพได้ถึง 18 ราย เทรามุระมักพร่ำสอนพนักงานให้บอกคู่รักที่เดินเข้ามาว่า ที่นี่ไม่ใช่โรงแรมธรรมดา แต่เป็นโรงแรมเก็บศพ มีแต่ห้องเย็นเท่านั้น
โดยราคาห้องเย็นที่โรงแรมลาสเทลตกวันละ 12,000 เยน (ราว 4,700 บาท) ซึ่งครอบครัวของผู้เสียชีวิตสามารถมาดูศพคนตายได้ตลอดเวลา ในระหว่างที่รอคิวเพื่อประกอบพิธีฌาปนกิจ ทั้งนี้ ธุรกิจเกี่ยวกับคนตายกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่น และการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวของเทรามุระ ก็เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของการทำธุรกิจกับคนตาย รายงานของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า เมื่อปีที่แล้วมีคนตายพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึง 1.2 ล้านราย หรือมีอัตราเฉลี่ยการตายประจำปีที่ร้อยละ 0.95 สูงกว่าในสหรัฐซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 0.84 คาดว่าตัวเลขการเสียชีวิตประจำปีจะพุ่งถึง 1.66 ล้านรายในปี 2583
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เศรษฐกิจญี่ปุ่นซบเซา แต่ประชาชนยังคงต้องจ่ายเงินเฉลี่ย 1.2 ล้านเยนเพื่อเป็นค่าดอกไม้ โกศ โลงศพ และค่าใช้จ่ายจิปาถะ ทำให้ธุรกิจเกี่ยวกับศพของญี่ปุ่นมีมูลค่ามหาศาลถึงปีละ 21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 630,000 ล้านบาท) ซึ่งสูงกว่าค่าใช้จ่ายในการทำศพของชาวอเมริกันต่อปีถึงสองเท่า
ด้วยเหตุนี้ทำให้เทรามุระ วัย 71 ปี ตัดสินใจเปิดโรงแรมลาสเทลเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งนอกจากเป็นสถานที่เก็บศพชั่วคราวแล้ว ยังทำให้เพื่อนและครอบครัวของผู้ตาย สามารถมาเคารพศพได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในเมืองโยโกฮามา ศพผู้เสียชีวิตต้องรอคิวในการเข้าเตาเผาไม่ต่ำกว่า 4 วัน สถานที่กึ่งที่เก็บศพอย่างโรงแรมลาสเทลจึงผุดขึ้นมา เพื่อไว้บริการลูกค้า มิเช่นนั้นพวกเขาจะต้องเก็บศพเอาไว้ที่บ้าน ซึ่งก็ไม่มีพื้นที่มากนัก
อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่ธุรกิจหากินกับศพในญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากนัก ไม่ต้องมีใบอนุญาตจากทางการ ผู้ที่สนใจในธุรกิจผู้จัดการศพจำเป็นต้องมีสำนักงานที่เป็นหลักแหล่ง และหมายเลขโทรศัพท์ อีกทั้งการสั่งดอกไม้และโลงศพก็ทำได้อย่างสะดวก เพียงแต่หาสถานที่ประกอบพิธี จ้างรถเข็นศพ และพระ ก็สามารถเปิดกิจการได้แล้ว ซึ่งแตกต่างจากในสหรัฐ การทำธุรกิจเกี่ยวกับพิธีศพ จำเป็นต้องเข้ารับการอบรมเป็นเวลาถึง 3 ปี ก่อนที่จะได้รับใบอนุญาต
แต่ธุรกิจพิธีศพในญี่ปุ่นใช่ว่าจะราบรื่นเสมอไป เทรามุระบอกว่า ผู้คนยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อมาเป็นผู้จัดการพิธีศพ แต่ก็มีพ่อค้าบางคนฉวยโอกาสขึ้นราคาโลงจาก 100,000 เยน (ราว 40,000 บาท) เป็น 1,000,000 เยน (ราว 400,000 บาท และการไร้เจ้าหน้าที่คอยดูแล ทำให้แก๊งมาเฟีย หรือยากูซา เข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากการเรียกค่าคอมมิสชั่น เป็นเงินหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ.