ผู้เชี่ยวชาญนิวซีแลนด์เผยว่า นาตาชา แฮร์ริส วัย 30 ปี จากเมืองอินเวอร์คาร์กิลล์ ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2010 รายงานระบุว่า เธอเคยบริโภคเครื่องดื่มโคคา-โคล่า ถึงวันละ 2 แกลลอน และนั่นอาจเป็นสาเหตุสำคัญในการเสียชีวิตของเธอ ขณะที่บริษัทผู้ผลิตออกมากล่าวว่า ไม่มีการบริโภคเครื่องดื่มอะไรที่มากเกินไปจนทำให้เสียชีวิต แม้แต่การบริโภคน้ำเปล่า

คริส ฮอดจ์กินสัน แฟนหนุ่มของแฮร์ริส เผยว่า แฟนของเขาเสพติดเครื่องดื่มโค้กมาก สิ่งแรกที่เธอจะทำในทุกเช้าคือการดื่มเครื่องดื่มดังกล่าวที่วางอยู่ข้างเตียงเธอเสมอ ไม่เว้นแม้แต่ในเวลาก่อนเข้านอน และให้การว่าแฮร์ริส อาจดื่มโค้กถึงวันละ 2.1-2.6 แกลลอนทุกวัน (ประมาณ 7.9-9.8 ลิตร)

นายแพทย์แดน มอร์นิน ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่สอบสวนในวันพฤหัสบดี(19 เม.ย.) ว่า แฮร์ริส อาจป่วยด้วยโรคภาวะเกลือโปแตสเซี่ยมต่ำ (Hypokalemia) ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นสาเหตุของการขาดโภชนาการโดยรวม สำนักข่าวแฟร์แฟ็กซ์รายงานพร้อมระบุว่าผู้เป็นโรคภาวะเกลือโปแตสเซี่ยมต่ำนั้นจะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงและหัวใจเต้นผิดปกติ


นอกจากนี้ ฮอดจ์กินสัน ยังเผยว่า แฮร์ริส เป็นคนรับประทานน้อยและสูบบุหรี่จัดเฉลี่ย 30 มวนต่อวัน และไม่กี่เดือนก่อนที่เธอจะเสียชีวิต แฮร์ริส มีปัญหาด้านความดันเลือดและดูเหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรง นพ.มอร์นิน ยังเผยว่าพบระดับคาเฟอีนในเลือดของแฮร์ริสอยู่ในขั้นเป็นพิษ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่ามาจากเครื่องดื่มโค้กหรือเกิดจากปัจจัยเสริมอื่นๆ อาทิ กาแฟ

รายงานกล่าวว่า แฮร์ริสเคยมีอาการความดันโลหิตสูงในช่วงไม่กี่เดือนก่อนเสียชีวิต เขาบอกต่อว่าในเช้าวันที่เสียชีวิต เธอกำลังช่วยเหลือเด็กๆเตรียมตัวสำหรับไปโรงเรียนแต่ระหว่างนั้นเธอกลับล้มฟุบใส่กำแพงบ้าน เมื่อเห็นเข้าเขาจึงโทรแจ้งหน่วยฉุกเฉินและพยายามปฐมพยาบาลเบื้องต้น แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้

ด้านคาเรน ธอมป์สัน โฆษกของโคคา-โคลา ประจำภูมิภาคโอเชียเนีย ระบุในถ้อยแถลงยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทปลอดภัย และเห็นพ้องกับข้อมูลจากสำนักงานชันสูตรที่ว่า การบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารใดๆที่มากเกินไปและไม่ได้บริโภคสารอาหารที่จำเป็นมากเพียงพอ รวมถึงไม่ได้เข้าตรวจร่างกายตามความเหมาะสม เหล่านี้สามารถนำมาซึ่งอาการที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน